ข้อความต้นฉบับในหน้า
แล้วก็ถึงสมมติว่าพวกเราหยิบเส้นด้ายขึ้นมา 2 เส้น นำมาชิงให้ถึง จากสะดือไปด้านหลังเส้นหนึ่ง จากด้านขวาไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตำแหน่งนั้นเรียกว่าจุด 6 ให้ยกจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสองขึ้นมา 2 นิ้วมือ โดยสมมติเอานิ้วชี้นิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนำไปวาดตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา 2 นิ้วมือ ตรงนี้แหละเรียกว่าศูนย์กลางฐานที่ 7 ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ดวงของใจ เพราะฉะนั้นถ้าหลงพูดถึงฐานที่ 7 ก็หมายเอาตรงนี้ ให้อใจหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ทีเดียว
กำหนดบริกรรมมิติขึ้นมาในใจ เป็นดวงแก้วใส บริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีสีส่วนคล้ายขนแมว โต้เข้ากับแก้วตาของเรา กำหนดคือการนิรนัยว่า ฐานฺ 7 มีดวงแก้วบริสุทธิ์อยู่อย่าที่ตรงนั้น เวลาเท่านั้นก็ให้นึกอย่างสบายๆ เบาๆ ให้ใจเบิกบานแผ่มชื่น พร้อมกับภาวนาในใจว่า สมาอะห์ังฯ โดยให้เสียงของ คำว่านั่งดอกออกมาจากกลางของดวงแก้ว สมาอะห์ังฯ ภาวนาอย่าหยุดนิ่ง จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง พอใจหยุดนิ่งดีแล้ว คำว่านั่งก็จะค่อยๆ เลือนหายไป เราไม่ต้องกลับมาภาวนาใหม่ให้รักษาใจหยุด ใจนิ่ง เฉย อย่างเดียว
บางท่านที่ชอบนึกองค์พระ เราจะนึกถึงพระ พุทธรูปนโต๊ะหมู่บูชา หรือ็นึกถึงองค์พระที่เราคุ้นเคย อาจจะเป็นพระแก้วใสๆ ก็ได้ โดยนึกอาราธนาท่านมาไว้ในกลางกาย เป็นองค์พระปางสมาธิ นั่งหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา ดูจากองค์พระไปเรือยๆ อย่างสบายๆ ให้ต่อเนื่อง อย่าให้ผลออกจากใจ ส่วนท่านที่ไม่คัดในดินสิงดวงแก้วหรือองค์พระ อยากจะวางใจหยุดนิ่งเฉยๆ ก็ให้ทำอย่างนี้เอง อย่างสบายๆ ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 นะจ๊ะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ทุกกนิกาย ธรรมบท ว่า
“ผู้ที่ได้ทำบุญไว้ดีแล้ว ย่อมเป็นผู้นับเทองอยู่ในโลกนี้ แม้โลกไปแล้ว ก็ไปบันเทิงต่อในโลกหน้า เขาย่อมเป็นผู้นับเทิงในโลกทั้งสอง เพราะเห็นความหมดแห่งการกระทำของตน”