ข้อความต้นฉบับในหน้า
ก่อนที่เราจะรู้จักหนทางสายกลาง ขอให้เราทำความรู้จักกับฐานัท ตั้งถาวรของใจเสียก่อน ฐานที่ตั้งถาวรของใจนั้นเราเรียกว่า ศูนย์กลางกายฐาน ที่ 7 ฐานที่ 7 นี้อยู่ที่ไหน สมมติว่าเราชี้เส้นด้ายจากสะดือไปข้างหลังจากชาขาวทะลุไปด้านซ้าย เส้นด้ายทั้ง 2 ตัดกันเป็นกะบาก จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม จุดดึงนี้เรียกว่าฐานที่ 8 ยกยอดหลังขึ้นมา 2 นิ้วมือ เอานิ้วชี้และนิ้วกลาง ทาบตรงจุดนี้ จุดนี้เรียกว่าฐานที่ 7 ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางกายเป็นหนทางสายกลาง ที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา เป็นหนทางที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายเดินเข้าสู่นิพพานนั้นเอง เราจะต้องเอาใจของเรามาหยุดนั่งตรงนี้ตลอดเวลา
ให้ประคับประคองใจของเรา นำใจมายุดนั่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายตรงฐานที่ 7 นี้โดยกำหนดบริกรรมมินต์ เป็นเครื่องหมายที่ใสสะอาด บริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจีระไนแล้ว ไม่มีชิ้นส่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา ให้ใจริสุทธิ์ถึงดวงใส หยุดไปที่จุดดังกล่าวของความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมมินต์ นิ่อย่างเบาๆ สบาย ตรีกให้ต่อเนื่องกันไป พร้อมกับบริกรรมกวนในใจโดยให้เสียงของคำวานา ดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของบริกรรมมินต์ ภาวนาว่า สัมมา อะระหัง ภาวนาไปเรื่อยๆ
ถ้าไม่ผลจากบริกรรมทั้ง 2 ไม่ช้าใจจะหยุดนั่ง พอใจหยุดนั่งถูกส่วน คำวานาน สัมมาอระหัง ก็จะเลื่อนไหลจากใจ เหลือแต่ดวงใสอย่างเดียวเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 พร้อมกับความรู้ตัวภายใน ใจจะหยุดอยู่ที่ดวงใส เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ให้รีบถึงดวงใสอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ประคองไปเรื่อยๆ พอถูกส่วนเข้าถึงดวงปฐมมันตร แล้วก็จะพบภายในไปตามลำดับ
นี้ต้อง ทำดังอย่างนี้ ถ้าได้ดวงใสอย่างนี้แล้ว นั่นแหละพบหนทางสายกลางแล้ว นี้จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเราได้พบหนทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่ช้เราจะไปสู่อนิจนิพพานได้