การมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่ รวมพระธรรมเทศนา ๑ หน้า 20
หน้าที่ 20 / 59

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงความสำคัญของการมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรและการทำความดีในช่วงเวลาที่มีอยู่ โดยยกตัวอย่างพ่อค้าในการเดินทางเพื่อค้าขาย แต่ไม่รู้ว่าเวลาในชีวิตของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิตและการกระทำที่ควรทำในแต่ละวันเพื่อสร้างบุญให้เกิดขึ้น รวมทั้งการอบรมวินัยและความเพียรในการดำรงชีวิต.

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของชีวิต
-การทำความดี
-การเตรียมตัวรับมือกับความตาย
-ตัวอย่างพ่อค้า
-พระโอวาทของพระศาสดา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

การมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรมัน เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องทำความเข้าใจให้ดี เราจะได้ไม่ประมาณ เพราะในที่สุดแล้ว ทุกๆ ชีวิตจะต้องตาย หากมีสิ่ง รลักได้ว่าชีวิตของเราดูไม่ใกล้ฝั่ง ไม่รู้ว่าจะล้มวันใด เวลาของชีวิตที่ เหลืออยู่ เราจะได้รังสร้างความดี ทำงานไปด้วย สร้างบุญไปด้วย ชีวิต จะได้ปลอดภัยที่พึ่ง เราไม่รบว่าระจะมีชีวิตอยู่ได้นาแไหน เรากำหนด ความตายได้ดีสุดคือเราควรรีบทำความเพียรเสียดังแต่วันนี้ ในสมุทรพุทธกาล มีพ่อค้าท่านหนึ่ง มีอาชีพค้าขายผ้า มีผ้าหลาก หลายชนิดด้วยกัน วันหนึ่ง พ่อค้าท่านนี้บรรทุกผ้าสเต็มเกวียน ๕๐๐ เล่ม เดินทางจากเมืองพาราณสี ไปยังเมืองสาวัตถี เพื่อทำการค้าตามปกติ เมื่อ เดินทางมาเรื่อยๆ จนถึงแม่น้ำสายหนึ่ง จึงหยุดที่ริมฝัง ส่งให้ลูกน้องพักแถว คืนั้นเกิดฝนตกหนัก จนกระทั่งล้นล้ง ลี่ พ่อค้าคิดว่า เราเองก็เดินทางมาไกล ถ้าดินทางต่อจะเสียเวลา ควรทำการค้าให้รีบฉันในที่แห่งนี้ ตลอดทั้งฤดูฝน ฤดูร้อน และฤดูหนาว เมื่อคิดดังนี้ แล้วก็ปักหลักอยู่ตรงนั้น ในขณะที่พ่อค้ากำลังจะมักจะจัดแจงเตรียมการ งานของตัวเอง พระศาสดาเสด็จผ่านมา และทรงแย้มพระโอวาท พระอานนท์ได้ลูกลามถึง เหตุนัน พระศาสดาตรัสว่า “อานนท์ เธอเห็นพ่อค้าผู้มีทรัพย์คนนันหรือเปล่า” พระอานนท์ทูลตอบว่า “เห็นพระเจ้าข้า” พระศาสดาตรัสไปว่า “พ่อค้านั้นไม่รู้ว่ามันอันตรายของชีวิตจักเกิดขึ้น แก่ตัวเอง ยังมีความคิดจะอยู่ในที่ตั้งลดยนี้ เพื่อค้าขาย” พระอานนท์ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันตรายจักมีแก่เขาหรือ?” พระผู้มพระภาคตรัสว่า “ใช่แล้ว อนานท์ พ่อค้านั้นจะมีชีวิตอยู่ก็เพียง ๗ วันเท่านั้น” พระอานนท์จึงทูลขออนุญาต ไปบอกแก่พ่อค้ัน ด้วยการไปเป็นขมต
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More