ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมาธาร
วาสาวัช วิทยาศาสตร์ทางพระพุทธศาสนา ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 (ฉบับรวมที่ 10) ปี 2563
32
3) การกำหนดอารมณ์ที่ปรากฏทางวาว และ 4) การกำหนดสติ ทุกอธิบาย ดังนี้
1) เดินจงกรม
สำหรับการเดินจงกรมในการฝึกปัจจุบันนี้ เป็นการปฏิบัติ ที่แสดงออกได้ถึงอาการที่แตกต่างจากท่าพ่าเดินทั่วไป คือ มีการสำรวมระวัง และเดินกลับไปกลับมาในระยะทางที่กำหนด ซึ่งหากจัดลักษณะการเดินจงกรม มีลักษณะของการเดินเป็น 2 แบบ คือ
1. การเดินจงกรมในลักษณะที่เป็นการใช้ตู้ร้ตัว เดินด้วยจังหวะปกติ แต่ไม่มีการกำหนดจังหวะเดิน ซึ่งเป็นการเดินในสายพทโล และในระหว่างเดินก็ให้ถึงคำบริกรรม พุทโล
2. การเดินจงกรมลักษณะเป็นจังหวะ ซึ่งจะต้องอาศัยการเคลื่อนไหวที่ช้าลง เพื่อให้สามารถกำหนดจังหวะได้ ซึ่งพบการสอนปฏิบัติในสายของหนอ-ยุบท ซึ่งกำหนดการเดินจงกรมเป็น 6 ระยะ และสำนักอนาปานิสติ กำหนดการเดินจงกรมเป็น 6 ระยะหรือ 7 ระยะ มีลักษณะคล้ายกับสายของหนอ-ยุบท ทั้งนี้เกิดจากการนำวิธีการของสายของหนอ-ยุบทไปประยุกต์เพิ่มเติมเอง และในการเดินของทั้ง 2 สายนี้ ต่างก็ใช้คำบริกรรม ที่กำหนดตามลักษณะของอาการที่ก้าวเดิน
สำหรับสายรูปนาม เนื่องจากในการปฏิบัติเข้นในการพิจารณาอธิบาย 4 เพื่อให้เห็นความเป็นจริงของรูปนาม จึงมีให้กำหนดให้มีการเดินที่เรียกกว่า จงกรม แต่ให้เป็นการเดินปกติทั่วไป แต่มีลักษณะช้าลงคล้ายคนไม่มีแรง เพื่อให้สามารถกำหนดสติได้ทัน ส่วนสายสม่ำอะระหัง ไม่เน้นการจงกรม