ข้อความต้นฉบับในหน้า
ได้มีการยกเลิกระบบโควต้าในการสอบครั้งที่ 12 (พ.ศ. 2536) ให้สมัครได้โดยไม่จำกัดจำนวนนักเรียน
และได้เพิ่มรางวัลประเภททีมในการสอบครั้งที่ 13 (พ.ศ. 2537) โดยการคิดคะแนนสูงสุดของนักเรียน 40
คนแรก
ในปีต่อมา การสอบครั้งที่ 14 (พ.ศ. 2538) คณะกรรมการลองแยกการสอบประเภททีมให้มาสอบ
ที่วัดพระธรรมกายในเดือนพฤศจิกายน มีโรงเรียนสมัครมาสอบเป็นจำนวนมาก แต่ไม่อาจเดินทางมาใน
วันสอบเพราะเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในภาคเหนือและภาคกลาง
การเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญอีกครั้ง คือการเริ่มใช้กระดาษคำตอบที่ตรวจด้วยคอมพิวเตอร์
ในการสอบครั้งที่ 15 (พ.ศ. 2539) โดยเริ่มใช้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาก่อน มีการวางระบบการทำงานของ
“ซุปเปอร์ไวเซอร์”อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการแบ่งพื้นที่สนามสอบในต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร
เป็นภาค โดยให้อยู่ภายใต้การดูแลของ“ซีเนียร์ ซุปเปอร์ไวเซอร์” ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่เคยทำหน้าที่เป็น
“ซุปเปอร์ไวเซอร์” มาแล้ว
วิวัฒนาการในการสอบครั้งที่ 16 (พ.ศ. 2540) ทำให้สามารถรองรับการขยายตัวครั้งใหญ่ในยุค
ต่อไป มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 3 ประการ
ประการแรก คือ การใช้กระดาษคำตอบที่ตรวจด้วยคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนทุกระดับ ซึ่ง
นักเรียนระดับประถมศึกษาสามารถปรับตัวได้อย่างดี
ประการที่สองคือการเริ่มระบบใหม่ประกาศผลสอบเฉพาะนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ที่ได้รับรางวัลเท่านั้น
ประการที่สาม คือ การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ทั้งระบบ ทันใช้งานกับจำนวนนักเรียนที่
เข้าสอบถึงหลักล้านในการสอบครั้งต่อไป
5.5 ช่วงที่ 4 ปีที่ 17 เพิ่มเป็นหลักล้าน
โครงการตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้าครั้งที่ 17 พ.ศ. 2541
โครงการตอบปัญหาธรรมะ ครั้งที่ 17 พ.ศ. 2541 เป็นโครงการที่ได้รับการกล่าวขานกันมาก
มีผู้กล่าวถึงหลายลักษณะ เช่น จากจดหมายข่าว “ทางก้าวหน้า” ฉบับประกาศผลสอบครั้งที่ 17 ได้เขียน
ไว้ว่า
“ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกกับเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่เกิดขึ้นกับเยาวชนไทย กว่าล้านคน ณ
ผืนแผ่นดินไทย
ประวัติศาสตร์จะต้องบันทึกกับงานระดับโลกด้วยมือของเยาวชนไทยนับหมื่นคน
58 DOU
เครือข่ายองค์กร กัลยาณมิตร