ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 109
mo
รัตนสูตร : สังฆรัตนะ
๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗
นโม.....
กิญจาปิ โส.....
รัตนสูตรบทนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานเชิดชูพระอริยสงฆ์ เมื่อพระองค์เสด็จดับขันธ์
ได้มีการสังคายนา มีวาระพระบาลี แปลความ โดยย่อว่า
กิญจาปิ โส ฯ พระโสดาบันบุคคลยังทำกรรมเป็นบาปอยู่ ไม่ควรปกปิดบาปกรรมอันนั้น
อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับสั่ง แล้วอย่างนี้ แม้อันนี้เป็นรัตนะอัน
ประณีตในสงฆ์
เราไม่อาจรู้ว่าใครเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคา พระอนาคา หรือพระอรหัตเพราะท่านก็เป็น
มนุษย์ธรรมดาเช่นเรา อาจเป็นหญิง ชาย ภิกษุ สามเณร เช่นเดียวกับเรา
ตัวอย่าง ในสมัยพุทธกาล มีสามเณรอรหันต์อายุ ๗ ขวบ ภิกษุหนุ่มไม่ทราบว่าเป็นพระอรหันต์
จึงได้พูดจาล้อเล่น และลูบศีรษะ พระพุทธเจ้าทรงเห็น จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ และทรงรับสั่งว่า
ต้องการน้ำในสระอโนดาต มาชำระพระบาท สามเณรจึงเอาหม้อต้มกลักเหน็บเข้าข้างหลังและเหาะไป
พระภิกษุที่ลูบศีรษะสามเณรจึงตกใจ และได้ทราบว่าสามเณรเป็นพระอรหันต์
พระโสดาบันยังมีทำชั่วด้วยกาย วาจา ใจ แต่เป็นความพลั้งเผลอ ยกตัวอย่าง ลูกสาวเศรษฐี
เป็น โสดาบันแล้ว อยู่บนปราสาท ๗ ชั้น นึกรักนายเนสาทพรานป่าฆ่าเนื้อ ที่ผ่านมา ถึงกับแอบ
ตามเกวียน นายพรานเข้าป่าไป นายเนสาทสงสารจึงอยู่เป็นสามีภรรยามีลูก ๗ คน เวลาค่ำนางจะ
จัดบ่วงแหลน เตรียมไว้ที่หน้าประตู สำหรับสามีไปล่าสัตว์เวลาเช้า ตอนเย็นก็แล่เนื้อเป็นอาหาร
ตามที่สามีล่ามาได้
ธิดาเศรษฐีผิดศีลหรือไม่ ?
ฝ่ายพระธรรมวินัย ท่านปรับตามเจตนา เพราะว่า เจตนาฆ่าสัตว์ของพระโสดาบันไม่มี คือ
ธิดาเศรษฐีไม่มี แต่ต้องทำเช่นนั้น เช่น เตรียมอาวุธ และทำอาหารจากสัตว์ที่ล่ามาเพราะปฏิบัติ
ตามหน้าที่ภรรยา มิฉะนั้นก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ คือทำตามหน้าที่ ไม่มีเจตนาจะให้ฆ่าสัตว์เลย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนาห์ ภิกฺขเว สีล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจตนานั้นแหละเป็นศีล
เมื่อพระโสดาบันทำบาปด้วยกาย วาจา ใจ ท่านเพลี่ยงพล้ำ แต่ไม่ได้เจตนา เมื่อเป็นอันตราย
หรือเกือบเป็นอันตรายต่อศีล ถ้าเป็นพระภิกษุ ท่านก็แก้ไขด้วยการแสดงอาบัติต่อเพื่อนพรหมจรรย์
ว่าจะไม่ทำอีกต่อไป เหมือนพวกเรารู้ว่าศีลไม่บริสุทธิ์ ก็สมาทานศีล แก้ไขตัวให้สะอาด