ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 121
๓๕
กรณียเมตตสูตร ๒
0
(แผ่เมตตา)
มิถุนายน ๒๔๙๗
นโม.....
เย เกจิ ปาณภูตตฺถิ ตสา วา......
เมตตา เป็นธรรมวินัยของพระบรมศาสดา ให้เราทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตั้งใจ
เมตตาในสัตว์ทั้งหลาย นี้เป็นเทศน์ต่อจากกัณฑ์ที่ ๓๔
เย เกจิ ฯ สัตว์มีชีวิตทั้งหลายที่มีอยู่ยังสะดุ้งอยู่ จะยาวใหญ่ปานกลาง อ้วน ผอม ยังไม่เห็น
อยู่ไกลเกิดหรือยังไม่เกิด หรือกำลังเกิด ขอจงเป็นผู้มีตนอยู่เป็นสุขเถิด ฯ
ให้ตั้งใจอย่างนี้ เป็นเมตตาในธรรมวินัยของพระบรมศาสดา
สัตว์ที่ยังสะดุ้งอยู่ คือ ยังมีตัณหาเครื่องสะดุ้ง
ถ้ามั่นคงแล้วก็ไม่สะดุ้ง ไม่มีตัณหา
น ปโร ปร์ ฯ สัตว์เหล่าอื่นอย่าข่มเหงสัตว์อื่นเลย
อย่าดูหมิ่นเขา เพราะทำให้ไม่มีความสุข การดูหมิ่นมักมีอยู่เสมอ เช่น ภิกษุดูหมิ่นภิกษุ สามเณร
ดูหมิ่นสามเณร หมิ่นอุบาสก ฯลฯ เพราะปราศจากเมตตาในกันและกัน
“เรือนยอดที่จะทำลายลงด้วยไฟไหม้น่ะเพราะไหม้แต่เรือนย่อยขึ้นไป กระต๊อบ
กระท่อมที่ปลูกอยู่ข้างๆ เรือนยอดนั่นแหละ ไหม้เรือนเล็กๆ ขึ้นก่อน แล้วก็ไป
ไหม้เรือนยอดนั่นฉันใดก็ดี แง่นี้แหละความร้อน เกิดจากชั้นน้อยขึ้นมาไหม้
เรือนยอดได้
เจ้าครองประเทศหรือผู้ปกครองประเทศจะได้รับความอับปาง เกิดปฏิวัติ ก็
เพราะผู้ใหญ่ดูหมิ่นผู้น้อย หรือไม่ฉะนั้น ผู้น้อยเมื่อถูกดูหมิ่นดูถูกด้วยประการ ใด
ประการหนึ่ง ก็จำเอาไว้ ได้สมัครพรรคพวกมากขึ้นก็ลงโทษผู้ใหญ่ เหมือน ใน
คอมมิวนิสต์บัดนี้”
ลักษณะคำดูหมิ่น เช่น เขาเล็กกว่าสู้ไม่ได้ ก็ว่าเอาตามชอบใจ ไม่ไพเราะ กักขฬะ พูดไม่เคารพ
คารวะในกันและกัน พูดใช้เสียงกระด้างไม่น่าฟัง ตวาดด้วยประการต่างๆ
การปล้นฆ่า เป็นคอมมิวนิสต์ รบราฆ่าฟัน ก็เพราะพูดจาไม่เพราะ ดูถูกดูหมิ่น
เมื่อเจอผู้ใหญ่ ผู้ปานกลาง ผู้ต่ำ ก็ให้ตั้งอยู่ในเมตตารักใคร่ ปรารถนาจะให้เป็นสุข