ข้อความต้นฉบับในหน้า
148 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
- ละของมนุษย์แล้ว ต้องไปติดอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
ที่เป็นของทิพย์
ก็ติดอีก
-
เมื่อละของทิพย์ของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาได้ ได้ไปชั้นดาวดึงส์จนถึงปรนิมมิตวสวัตตี
เมื่อสละได้ จากการทำศีลมั่นคงขึ้น เข้าฌานทั้ง ๔ คือ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน
จตุตถฌาน แตกกายไปบังเกิดในพรหม ๑๖ สุขเป็นกัปป์ๆ
ละความสุขยิ่งๆ ขึ้นจากรูปภพ ไปอรูปภพ ๔ สุขที่ยังติดในกาม แม้ไปถึงรูปพรหม ก็ยัง
ถือว่าสุขน้อย เข้าถึงธรรมกายเป็นลำดับไป ยิ่งใหญ่ ไพศาล นับประมาณไม่ได้
- แต่ถ้าต้องการสุขอันไพบูลย์มากกว่านี้ ต้องไม่ติดสุขในอรูปภพและไปนิพพาน นั่นแหละ คือ
“สุขอันไพบูลย์” สุขอื่นสู้ไม่ได้
วิธีละสุขในมนุษย์
ด้วย “บุญ” คือ ความบริสุทธิ์ สำเร็จด้วย ทาน ศีล ภาวนา
๑. ทาน การให้ทาน
ส่งเราไปถึงสุขอันยิ่งใหญ่ไพศาล หากเกิดเป็นคนจน จะทำความดีย่อมลำบาก เพราะห่วงเรื่อง
การประกอบการงาน
“ท่านยืนยันตามตำรับตำราว่า มนุษย์จะได้รับความสุขในมนุษยโลกก็เพราะ
อาศัยการให้ทานกัน ด้วยเหตุนี้พระโพธิสัตว์เจ้าสร้างบารมีมาเกิดในมนุษยโลก
ก็ย่อมให้ทานในเบื้องหน้า ท่านเป็นผู้เก็บหอมรอมริบ สนับสนุนอุปถัมภ์ค้ำชู
บริวารของท่านไม่แพ้ฝ่ายใด ท่านอุปถัมภ์ค้ำชูตลอด เพราะท่านเป็นผู้มีสมบัติยิ่ง
ใหญ่ไพศาล”
เมื่อสมบัติบริบูรณ์ อันเกิดจากการให้ทาน ศีล และ ภาวนา ก็ดีตามไปด้วย
“ทาน” เป็นเหตุให้เกิดใน “สวรรค์ 5 ชั้น” เป็นลำดับไป
๒. ศีล เป็นเหตุให้เกิดใน “พรหม ๑๖” เป็นลำดับไป
๓. ภาวนา เป็นเหตุบรรลุถึงขั้นนิพพาน
ฉลาดในการทำทาน ศีล ภาวนา ก็ได้สุขตามส่วน ตามอายุของภพนั้นๆ ไป
“เมื่อรู้จักหลักนี้ก็ค่อยๆ เดินเป็นลำดับขั้นไป ตั้งต้นแต่กายมนุษย์ นี่วัดปากน้ำ
ทำกันอยู่แล้ว ทำอยู่แล้วถึงนิพพานมากมายแล้ว ไม่ต้องเข้าใจเป็นอย่างอื่นไป
ตั้งหน้าตั้งตาทำทีเดียว”
ด้วยการทำใจให้หยุด เมื่อถึงเวลาให้ทาน เราก็ให้ทานตามกาลตามสมัย ให้ศีลบริสุทธิ์ไว้ แล้ว
ก็เจริญภาวนาเสมออย่าให้คลาดเคลื่อนเพื่อทำใจให้หยุด พอใจหยุดเท่านั้น เข้าถึงทางไปของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ ใจหยุดนั้นแหละ จะพบพระบรมศาสดา
สมกับบาลีว่า “นตฺถิ สนฺติปร์ สุข” สุขอื่นนอกจากหยุดนิ่งไม่มี