ข้อความต้นฉบับในหน้า
142 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
“ก็เทวดาเขาว่าเป็นสุขอย่างไรเล่า เป็นสุขหลอกๆ ไม่ใช่สุขจริงๆ สุขหลอก
ลวงเหมือนสุขมนุษย์อย่างนี้แหละ ยิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะร่าเริงบันเทิงใจ ประเดี๋ยว
หน้าดำคร่ำเครียด เสียอกเสีย ใจกันวุ่นวายแล้ว แตกกายทำลายนี้แล้ว เจ็บปวด
ขึ้นแล้ว ตึงตังเกิดขึ้น รบทัพจับศึกตายกันสิ้นแล้ว เป็นทุกข์กันจ้าละหวั่นแล้ว เหตุนี้
ไม่เที่ยงอย่างนี้ ยักเยื้องแปรผันอยู่อย่างนี้แล้ว ก็เป็นทุกข์จริงๆ”
๓. สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ ฯ ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัว
เมื่อใดบุคคลเห็นตามปัญญาว่า ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัว จึงจะละได้จริง
สังขารมีที่ไหน ธรรมก็อยู่ที่นั่น ดังนั้น ธรรมจึงอยู่ในกายมนุษย์ทุกคน
ธรรมเป็นอย่างไร ?
เป็นดวงใส มนุษย์ได้มาด้วยความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ พอแตกกายทำลายขันธ์ก็ได้ดวงธรรม
สำหรับเกิดเป็นมนุษย์ ในกายมนุษย์ยังมีกายต่างๆ ซ้อนลงไปอีก ทุกกายล้วนมีธรรมที่ทำให้เป็นกาย
นั้นเช่นกัน
กายมนุษย์ประกอบด้วย เบญจขันธ์ คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ล้วนเป็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา
ส่วนธรรมที่ทำให้เบญจขันธ์บังเกิดหรืออาศัยอยู่ได้ ก็ไม่ใช่ตัว เพราะดวงธรรมทั้งหลายที่ทำให้
เป็นกายต่างๆ ๘ กาย เป็นที่อาศัยของตัว จึงเป็นอนัตตา คือไม่ใช่ตัว เช่น
ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ไม่ใช่ตัว เป็นที่อาศัยของกายมนุษย์ละเอียด
ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียด ไม่ใช่ตัว เป็นที่อาศัยของกายทิพย์ กายทิพย์ก็ประกอบ
ด้วยเบญจขันธ์ จนกระทั่งถึงกายอรูปพรหมละเอียด
“สูงขึ้นไปกว่านี้เข้าถึงกายธรรมกายธรรมนั่นแหละเป็นนิจจัง สุขัง ดวงธรรม
ที่ทำให้เป็นธรรมกายก็เป็นอัตตา ส่วนดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายแปดกายเบื้องต้น
เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัว จะเป็นอัตตาไม่ได้ เพราะยังเป็นสมมติอยู่”
เข้าถึงกายธรรมจึงจะเป็นตัวจริงๆ
คือเป็นตัว
ตั้งแต่กายธรรมไป ๑๐ กาย ยกเป็น นิจจัง สุขัง ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมก็เป็นอัตตา
กายธรรมก็มีขันธ์ แต่เป็น “ธรรมขันธ์ โดยวิมุติ” ไม่สมมุติ ตามชั้นไปเรื่อยๆ เมื่อถึงกายธรรม
พระอรหัต ก็เป็นนิจจัง สุขัง อัตตาแท้ๆ หมดทั้งก้อน เป็นวิมุตติที่เด็ดขาดหมดจากสังโยชน์เบื้องต่ำ
เบื้องสูง เพราะเป็น “วิราคธาตุวิราคธรรม” คือ ธรรมทั้งก้อน
นี้แหละเป็นทางไปพระนิพพาน
ตนเป็นที่พึ่งของตน
ตน คือ กายมนุษย์ เป็น “ตนโดยสมมุติ” ส่วนธรรมกายทั้งสิบกายเป็น “ตนโดยวิมุตติ”
ธรรม คือ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ และกายต่างๆ