ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 127
๓๗
ธชัคคสูตร
(การแพ้ชนะ)
๒๐ มิถุนายน ๒๔๙๗
นโม....
ภูตปุพพ์ ภิกฺขเว เทวาสุรสงคาโม.....
“แพ้” และ “ชนะ” เป็นของคู่กัน แต่ใครๆ ก็หวังชนะ
ศึกสงครามใดๆ ในมนุษยโลก ต่างฝ่ายย่อมอยากชนะ ถ้าคิดว่าแพ้แน่ก็ไม่สู้ ถ้าคิดว่าสู้ก็ไม่
ยอม แพ้ เช่น สงครามเกาหลี และอินโดจีน เมื่อชนะแล้วจะได้ความเป็นใหญ่ ชนะทุกประเทศก็เป็น
เอก ในชมพูทวีป เรียกว่า ชนะเลิศ
“ทางพุทธศาสนามุ่งความชนะที่ยิ่งกว่านั้น” แม้ความแพ้จะล่อแหลมอยู่ พระภิกษุมุ่งชนะจึง
ได้สวมฟอร์มนี้เข้าสู้รบ หรืออุบาสก อุบาสิกาผู้มุ่งชนะ ชนะที่สุดต้องชนะความชั่วทั้งหมดทั้งสิ้น จน
กระทั่งดีที่สุดถึงพระอรหัตตัดกิเลส เป็นสมุจเฉทปหาน
แม้เทวโลกก็ยังรบกัน ปรากฏในเรื่องสงครามเทวดาและอสูรในดาวดึงส์ ในพระบาลีว่า เมื่อ
ทั้งสองทำสงครามกัน และพวกอสูรแพ้ท้าวสักกะ อสูรก็ลงไปตั้งพิภพอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ ส่วนพระอินทร์
ตั้งพิภพอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ
เรียก ดาวดึงส์ จากยอดถึงตีนเขาไกล ๘๔,๐๐๐ โยชน์ มีน้ำล้อมรอบ
เขาอยู่
เมื่อถึงฤดูดอกแคฝอยในพิภพของอสูรบาน แทนที่จะเป็นดอกปาริฉัตตชาติเหมือนในดาวดึงส์
พวกอสูรก็พากันตกใจ และระลึกได้ว่า เมื่อครั้งตนเมาสุราได้ถูกท้าวสักกะจับโยนลงมา ที่เกิดพิภพอสูร
นี้ได้เพราะบุญของตน เมื่อรู้สึกแค้นใจก็ผุดขึ้นจากน้ำเหาะไปรบกับท้าวสักกะอีก
ท้าวสักกะจึงเรียกเทวดาทั้งหลายในดาวดึงส์มาและสั่งว่า ถ้าความกลัวหรือความหวาดสะดุ้ง
หรือความขนพองสยองเกล้าเกิดขึ้นแก่เทวดาที่อยู่ในสงคราม ให้แลดูชายธงของท้าวสักกะ ความกลัว
นั้นจะหายไป ถ้าดูแล้วความกลัวยังไม่หายให้ดูชายธงของเทวราชปชาบดี เทวราชวรุณ และเทวราช
อีสาน ตามล้าดับ
แต่เมื่อดูชายธงของท่านทั้งสี่ ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ความขนพองสยองเกล้าบางทีก็หาย
ไปบ้าง ไม่หายบ้าง
ทำไมเมื่อดูชายธงของท่านทั้งสี่ ความกลัวบางทีก็หายบ้างไม่หายบ้าง ?
ฯ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า สกฺโก หิ ภิกขเว ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักรินทรเทวราชผู้เป็นจอม
ของเทวดามีราคะ โทสะ โมหะ เป็นผู้ยังกลัว ยังหวาด ยังสะดุ้ง ยังหนีไปอยู่ เทวราชอีก ๓ ท่านก็เช่น
กัน และว่าภิกษุทั้งหลาย เมื่อไปอยู่ป่า โคนไม้ เรือนว่างเปล่า พึงระลึกถึงตถาคต ความกลัวจะหายไป
หากยังไม่หายให้ระลึกถึงพระธรรม และ พระสงฆ์ตามลำดับ