ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 151
จิตในจิต หมายถึง จิตของกายในกาย ถ้าเป็นดวงจิตของกายมนุษย์ละเอียดก็อยู่ในกายมนุษย์
ละเอียด ซ้อนอยู่ข้างใน
๔. เห็นธรรมในธรรม
คือ เห็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ มีอยู่ในศูนย์กลางกายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์ เห็นดวงธรรม
ที่ทำให้เป็นกายต่างๆ เป็นชั้น ๆ เข้าไป “เห็นอย่างหนึ่ง รู้อย่างหนึ่งนะ ไม่ใช่เอารู้กับเห็นมาปนกัน
ไม่ได้”
กายมนุษย์รู้เพียงกาย เวทนา จิต ธรรมของตัว รู้แค่ว่า ตัวเองคิด รู้สึกอย่างไร ให้มีความดี
ไม่มีความชั่ว แต่นั่นเป็นเพียงความรู้ หาใช่ความเห็น
ถ้าเห็นเช่นนี้ ให้ทำความเพียรให้กลั่นกล้า แม้เนื้อเลือด กระดูก หนัง แห้งเหือดไป ใจต้อง
จรดอยู่ที่ตั้งของใจ ดูในกาย เวทนา จิต ธรรมนั้น ไม่คลาดเคลื่อน ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน ก็ฝันได้ และ
ไม่เผลอสติ หายไปก็จรดใหม่ ดูเวลาใดก็เห็นเวลานั้น “ถ้าได้ใหม่ๆ เป็นใหม่ๆ เผลอไม่ได้ เผลอเป็น
หายทีเดียว”
พระพุทธศาสนาเป็นความจริง เพราะกายมนุษย์แค่รู้มาไม่ได้เห็น แต่กายในกายนั้นเห็นตาม
ปรากฏ ยังมีฝันในฝัน นั้นคือ การผ่านกายละเอียดเข้าไปในกายทิพย์ เวทนา จิต ธรรมก็เห็นเข้าไป
อย่างเดียวกันในกลางกายทิพย์
จากกายมนุษย์ละเอียด “เข้าไปอีกชั้นหนึ่ง กายในกายนั้น เขาเรียกว่า ฝันในฝัน” เห็นกาย
ทิพย์ กายที่สาม “เห็นกายในกายที่สามเข้าไปแล้ว ไม่ใช่ที่สองแล้ว เวทนาก็แบบเดียวกัน เห็นอย่าง
เดียว กัน เวทนาตั้งอยู่ตรงไหน จะว่าเวทนาตั้งอยู่ตรงไหน อยู่กลางกาย กายที่ฝันในฝันนั่นแหละ
กายที่สาม นั่นแหละอยู่กลางกายนั่นแหละเวทนาในเวทนา จิตในจิตก็อยู่ในกลางเวทนานั่นแหละ
ธรรมในธรรม ก็อยู่กลางจิตนั่นแหละ ธรรมในธรรมไม่ใช่อยู่ที่ไหนหรอก”
จึงเข้าต่อไปถึงกายที่ ๔ กายทิพย์ละเอียด ฝันในฝันเข้าไปอีก เห็นกาย เวทนา จิต ธรรม
แบบเดียวกัน เรื่อยไปจนถึงกายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหม กายอรูปพรหมละเอียด
กายธรรม กายธรรมละเอียด กายโสดา กายโสดาละเอียด กายพระสกทาคา พระสกทาคาละเอียด
พระอนาคา พระอนาคาละเอียด กายพระอรหัต กายพระอรหัตละเอียด ฝันออกไปเป็นพระอรหัต
ละเอียดๆๆๆ ต่อไปนับอสงไขยไม่ถ้วน
“ฝันออกไปอย่างนี้แหละ หมดกายพระอรหัต มีกายพระพุทธเจ้าก็ได้ กาย
ในกายๆๆๆๆ มันอย่างนี้แหละ ผู้เทศน์นี้ได้ทำวิชชานี้ ๒๓ ปี ออกพรรษานี้ก็ ๓
เดือนเต็มล่ะ ยังไม่หมดกายละเอียดเหล่านี้เลย พระพุทธเจ้าองค์เก่าที่เข้านิโรธก็
ยังไม่รู้ เพราะท่านยังไปไม่ถึงที่สุด” ต่อเมื่อไปถึงที่สุดกายตัวจึงฉลาดเต็มที่ แม้เป็น
พระพุทธเจ้า เข้านิพพานแล้ว ก็ต้องตรวจกายเช่นนี้ ว่าที่สุดอยู่ที่ไหน
เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้ ให้เอาใจจรดให้ถึงกายที่สุดของตัวให้ได้ เพราะถ้ายังไม่ถึงที่สุดของตัว
พญามารเขาจะต้องบังคับบัญชา ให้เป็นบ่าวเป็นทาสเขา ให้ทำอะไรก็ได้ ให้ด่า ให้ตี ให้ชก ให้ฆ่าฟัน
ให้เลวทรามต่ำช้า เป็นคนจนอนาถา ติดขัดทุกสิ่งทุกอย่าง
“มีครอบครัวแล้วได้อะไรบ้าง ได้ลูกคนหนึ่ง แล้วเอามาทำไมละ เอามาเลี้ยง
๑๐ คน เอาไว้เลี้ยงอย่างไรก็เลี้ยงไป บ่นโอ้กแล้ว เอ้าได้ห้าสิบคน เอ้า! เอาไว้