ข้อความต้นฉบับในหน้า
ศาสนา-ประเพณี วัฒนธรรม
หมอกเพลิงแล้วเย็นลง จนกลับไปเป็นหมอกเพลิงอีกครั้งหนึ่ง ท่าน
เรียกว่ากัปหนึ่ง
ถามว่ากัปหนึ่งกี่ปี? ตอบว่าอย่าไปนับเลย นานมาก แต่พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อุปมาไว้อย่างนี้
สมมติว่ามีภูเขาแท่งทึบอยู่ ๑ ลูก ลักษณะเหมือนลูกเต๋า
แต่เป็นลูกเต๋ายักษ์กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ยาว ๑ โยชน์ คือ กว้าง
๑๖ กิโลเมตร ยาว ๑๖ กิโลเมตร และสูง ๑๖ กิโลเมตร ในทุกๆ ๑๐๐ ปี
มีผู้เอาผ้าบางเหมือนควันไฟไปลูบ พอลูบที่หนึ่งมันก็จะสึกไปนิดหนึ่ง อีก
๑๐๐ ปีก็มาลูบอีกทีหนึ่ง ลูบอย่างนี้ทุกๆ ๑๐๐ ปี ถ้าเมื่อไรมันสึกไป
จนกระทั่งภูเขาลูกนี้ราบเตียนเสมอกับพื้นดิน เมื่อนั้นให้นับว่ากัปหนึ่ง
ซึ่งไม่รู้ว่ากี่ปี
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยที่เกิดเป็นพระโพธิสัตว์และได้รับ
พยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ว่าจะได้เป็นพระ
พุทธเจ้าพระองค์หนึ่งข้างหน้า โดยจะใช้เวลาบำเพ็ญบารมีอย่างน้อยที่สุด
๔ อสงไขย แสนมหากัป ลองเขียนเลข ๔ ลงไปตัวหนึ่งแล้วเติมศูนย์อีก
๑๔๐ ตัว แล้วประมาณเวลาว่า โลกเป็นหมอกเพลิงแล้วก็เย็นลง จนมี
ผู้คนมาอาศัยอยู่ แล้วในที่สุดโลกก็ไหม้กลับไปเป็นหมอกเพลิงอีก
ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้นานเท่าไร นับประมาณเวลาอย่างนี้ไป
๔ อสงไขยครั้งกับอีกแสนครั้ง รวมกันเข้าไป นั่นแหละเป็นระยะเวลา
น้อยที่สุดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องใช้สำหรับฝึกตนเองให้เป็นคนดี
จนกระทั่งสามารถที่จะสอนให้คนอื่นรู้ตามได้อีกด้วย
ท่านใช้เวลากันนานถึงขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติธรรม
เราจึงได้ซาบซึ้งกันนักหนาว่า แหม...เรานี่โชคดีนะ เกิดมาได้มาพบพระ
พุทธศาสนา แม้ไม่พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังได้เจอคำสอนของ
พระภาวนาวิริยคุณ 62 (เผด็จ ทั ต ต ชีโว)