ข้อความต้นฉบับในหน้า
การครองตน
จากนั้นก็ดูหลักหรือวิธีการแก้เป็นกรณีๆ ไป เช่น ถ้าเป็นเรื่อง
ของทรัพย์สมบัติ หรือเรื่องของผลประโยชน์จะต้องแก้ด้วยทาน แต่
ถ้าไม่ใช่เรื่องของทรัพย์สมบัติ เป็นเรื่องของการกินใจกัน หรือความเข้า
ใจผิดกัน อย่างนี้ต้องแก้ที่ตัวเราเอง คือต้องฝึกตัวให้เป็นคนมีสัมมา
คารวะ และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย บางครั้งอาจจะต้องไปกราบ
กรานขอขมาลาโทษเขา มันก็ต้องยอมเพื่อให้ปัญหามันยุติ
บ
ดูต่อไปอีก บางเรื่องเกิดเพราะความประมาทของเราเองไป
ล่วงเกินเขา ไปทำของเขาเสียหาย ในกรณีอย่างนี้ก็แก้ไข โดยชดใช้เขา
ไปตามสมควร แต่อย่างไรก็ตามทุกเรื่อง เมื่อเป็นปัญหาขึ้นมาแล้ว
ต้องหยุด อย่าเพิ่งไปทำอะไร นั่งสมาธิให้ใจสงบเสียก่อน เพื่อดูให้
ถ่องแท้ว่าเป็นเรื่องอะไร แล้วสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ถ้ายังไม่แน่ใจ
ก็อย่าเพิ่งไปลงมือแก้ไข ถ้าแน่ใจให้รีบแก้ไขทันที เวลาแก้ไขก็ทำด้วย
ความใจเย็น เรื่องบางอย่างแก้ไขไม่ได้ ได้แต่รอเวลา ก็ต้องอดทนไป
อย่างไรก็ตาม มีบทสวดอยู่บทหนึ่ง พระท่านสวดให้ฟังทุก
วันอาทิตย์เลย พอถวายสังฆทานเสร็จ พระท่านจะสวดมนต์ ๒-๓ บท
มีบทหนึ่งขึ้นต้นด้วยคำว่า “พาหุง” เราจึงเรียกกันง่ายๆ ว่า บทพาหุง
คงจำได้ บทพาหุงนี้กล่าวถึงวิธีแก้ปัญหา ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
นำมาใช้มี 4 ตอน แต่มี ๗ วิธี คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเผชิญ
กับปัญหามามากกว่าพวกเรา แต่พระองค์ก็สามารถแก้ไขให้สำเร็จ
ลุล่วงไปเป็นเปลาะๆ ปัญหาใหญ่ๆ ที่พระองค์ทรงแก้ไขมา จนกระทั่ง
โบราณาจารย์ท่านต้องบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คือ
๑.เมื่อทรงผจญกับพญามาร ที่ยกทัพมารังควานในวันจะ
ตรัสรู้ พระองค์ทรงแก้ไขปัญหานี้ด้วยกำลังบารมี ๓๐ ทัศ ที่ได้อธิษฐาน
เอาทานบารมีที่ทรงสั่งสมการให้ทาน และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลมา
นับภพนับชาติไม่ถ้วนให้มาช่วย
พระภาวนาวิริยคุณ 50 (เผด็จ ทัตตชีโว)