ข้อความต้นฉบับในหน้า
รับและจำได้) ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
หากใจของคนเราคิดดี ย่อมเป็นเหตุให้บุคคลนั้นพูดดี ทำดีตามไป แต่ถ้าใจคิดไม่ดี ย่อมเป็นเหตุให้
บุคคลนั้นพูดชั่วทำชั่วตามไป ผู้ที่ฝึกใจให้ตั้งมั่นได้เป็นนิตย์ย่อมเป็นผู้มีใจผ่องใสเข้มแข็งมีความเห็นถูกต้องตาม
ความเป็นจริง แต่สิ่งที่ทำอันตราย คอยรังควานให้ใจลำบาก อ่อนแอ เศร้าหมอง เรียกว่า กิเลส
กิเลสทำให้คนดีกลายเป็นคนชั่ว ทำให้คนใจดีกลายเป็นคนใจดำ ทำให้คนใจงามกลายเป็นคนใจง่าย
ทำให้คนอ่อนโยนกลายเป็นคนหยาบกระด้าง ยิ่งกว่านั้นยังทำให้คนบังอาจทำความผิด ทั้งๆ ที่รู้ ทำให้คนไม่
อาจทำความดีเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน กิเลสมีอยู่หลายประเภท เช่นเดียวกับโรคต่างๆ ของร่างกายซึ่ง
มีอยู่มากมาย แต่ที่เป็นตัวการใหญ่ๆ มีอยู่ 3 ตระกูล คือ
1) ตระกูลโลภะ
2) ตระกูลโทสะ
3) ตระกูลโมหะ
กิเลส ทุกตระกูลเมื่อเข้าครอบครองใจของผู้ใดได้แล้ว ย่อมทำให้ใจของผู้นั้นขุ่นมัวลงทันที
การทำงานของใจทั้ง 4 ขั้นตอนก็วิปริตคลาดเคลื่อนไป คือ
เห็น ไม่ตรงตามความเป็นจริง เหมือนภาพบนจอโทรทัศน์ที่ถูกคลื่นรบกวน
จำ ผิดๆ ไขว้ๆ เขวๆ เดือนๆ ลางๆ สลับหน้าสลับหลังไม่ต่อเนื่องกัน
คิด สับสนวุ่นวาย จากถูกกลายเป็นผิด ดีกลายเป็นชั่ว รักกลายเป็นชัง ตามข้อมูลที่จำมาผิดๆ
เหล่านั้น
รู้ ปักใจเชื่อตามความคิดผิดๆ เหล่านั้น กลายเป็นคนใจวิปริต ใจบาป สามารถทำความชั่วได้
โดยไม่รู้จักกลัว ไม่รู้จักอาย
กิเลสทั้ง 3 ตระกูล คือโลภะ โทสะ โมหะ จึงเป็นต้นเหตุให้คนทำชั่วทุกอย่าง เป็นมูลเหตุแห่งบาป
ทุกชนิด อุปมาได้ว่าโรคที่เกิดในกายสามารถกำจัดรักษาให้หายสิ้นได้ด้วย “ยา” ฉันใด กิเลสที่เกิดในใจก็สามารถ
กำจัดให้หมดสิ้นได้ด้วย “บุญ” ฉันนั้น ดังนั้น เมื่อกิเลสที่คอยคุกคามใจมนุษย์มีอยู่ 3 ตระกูล คือ โลภะ โทสะ
โมหะ จึงจำเป็นต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อสร้างบุญขึ้นในใจให้มีกำลัง
เหนือกิเลสให้ครบทั้ง 3 ประการ คือ ทาน ศีล ภาวนา และคอยเสริมสร้างกำลังบุญเหล่านี้ให้เข้มแข็ง ยิ่งขึ้น
จนสามารถทำลายล้างกิเลสได้อย่างเด็ดขาด ใจจึงจะปลอดภัยประสบสันติสุขได้อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น
หน้าที่กัลยาณมิตรก็คือ หน้าที่ที่จะไปยกระดับจิตใจชาวโลกให้สูงขึ้น หน้าที่นี้จึงเป็นหน้าที่อันสูงส่ง เพราะเป็น
หน้าที่ของผู้ชี้ทางบุญให้กับชาวโลกทั้งหลาย
บทที่ 4 ทักษะการทำหน้าที่ กัลยาณมิตร ทางจิตใจ DOU 49