ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความขัดแย้งผลประโยชน์ ทำให้การแสวงหานั้นๆ ยืดเยื้อยาวนาน เกิดเป็นกระบวนการแทรกซ้อน และ
ถ่วงเวลาให้ต้องห่างไกลจากความสุขที่แท้จริงไป
การแสวงหาความสุขจากการใช้สิ่งของ หรือเครื่องอำนวยความสะดวกสบายในชีวิต เช่น รถยนต์
หรือเสื้อผ้าราคาแพง หรือการใช้ของฟุ่มเฟือย ไม่สมดุลกับรายได้ที่ได้มา แม้จะเป็นวัตถุสิ่งของที่ดี แต่ก็นำ
มาซึ่งความทุกข์ใจที่จะต้องแสวงหาสิ่งมาสนองอารมณ์ที่ปรารถนา จนเปรียบเสมือนตกเป็นทาสในวัตถุนั้นๆ
และเมื่อวนเวียนอยู่ในวงจรแห่งความปรารถนานี้ ย่อมทำให้เกิดความไม่รู้เป้าหมายชีวิตที่แท้จริงของตนเอง
กลายเป็นบุคคลผู้มีเป้าหมายสูงสุดเพียงแค่การได้มาหรือได้เสพในสิ่งที่ต้องการ หรือบางกรณีมีบุคคลที่
รู้จักแสวงหาทรัพย์ มีความสุขจากการได้ทรัพย์มา แต่ติดยึดในสิ่งของเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์อำนวย
ความสะดวก จนกลายเป็นบุคคลติดในทรัพย์ มีความหวงแหนและภาคภูมิใจ ซึ่งความสุขที่ได้ก็เป็นเพียงความ
สุขชั่วคราวที่ไม่เที่ยงแท้ถาวร ไม่รู้จักใช้ทรัพย์อย่างฉลาดที่จะนำมาซึ่ง ความสุขทางกายและทางใจ
โดยเฉพาะการที่จะใช้ทรัพย์ที่มีเพื่อยกระดับจิตวิญญาณของตน ด้วยการเสียสละ บริจาค เช่น การทำทาน
เป็นต้น เปรียบเสมือนสระน้ำอันอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าหากอยู่กลางป่าห่างไกลลิบลับจากหมู่บ้าน ก็ไม่เกิด
ประโยชน์แก่ผู้คนทั้งหลาย
1.3 ธรรมชาติของบุคคลที่เราจะไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร
ในการเริ่มต้นทำหน้าที่กัลยาณมิตรเพื่อที่จะขยายเครือข่ายคนดี ก่อนอื่นเราต้องทราบธรรมชาติ
ของคนในสังคมก่อน บุคคล 4 ประเภทที่พระองค์ตรัสไว้
โดยสรุปดังนี้
ก. บุคคลผู้อับปัญญา ยังไม่อาจให้บรรลุคุณวิเศษได้ในชาตินี้ เรียกว่า ปทปรมะ เทียบกับบัวจมใต้น้ำ
จักเป็นภิกษาแห่งปลาและเต่าต่อไป
ข. บุคคลผู้พอจะหาทางคอยชี้แจงแนะนำให้เข้าใจได้ต่อๆ ไป เรียกว่า เนยยะ เทียบกับบัวงาม
ใต้พื้นน้ำจักบานในวันต่อๆ ไป
ค. บุคคลผู้สามารถรู้เข้าใจได้ ต่อเมื่อได้อธิบายความนั้นให้พิสดารออกไป เรียกว่า วิปจิตัญญู
เทียบกับบัวปริ่มน้ำ จักบานต่อวันรุ่งขึ้น
ง. บุคคลผู้รู้เข้าใจได้ฉับพลันแค่พอยกหัวข้อขึ้นแสดงเท่านั้น เรียกว่า อุคฆฏิตัญญู เทียบกับบัวพ้นน้ำ
แต่พอรับสัมผัสแสงตะวันก็จะบาน ณ วันนั้น
อรรถกถามหาปทานสูตร, อรรถกถาทีฆนิกาย มหาวรรค, มก.เล่ม 13 หน้า 148-9.
8 DOU ทักษะการทำหน้าที่กัลยาณมิตร