ความขัดแย้งและความสุขที่แท้จริง DF 202 ทักษะการทำหน้าที่กัลยาณมิตร หน้า 17
หน้าที่ 17 / 127

สรุปเนื้อหา

ความขัดแย้งผลประโยชน์ทำให้การแสวงหาความสุขยืดเยื้อ เกิดการสะสมวัตถุ ซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์ใจ การใช้ทรัพย์อย่างมีสติช่วยยกระดับจิตใจ ของผู้มีวัตถุสมบูรณ์แต่ห่างไกลผู้คน ส่วนธรรมชาติของบุคคลที่ต้องทำหน้าที่กัลยาณมิตรมี 4 ประเภท ตามที่พระองค์ตรัสไว้ เริ่มตั้งแต่ผู้ที่อับปัญญาจนถึงผู้ที่เข้าใจได้ทันที การขยายเครือข่ายคนดีในสังคมจึงมีความสำคัญเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงความสุขที่แท้จริง

หัวข้อประเด็น

- ความขัดแย้งในผลประโยชน์
- ความสุขและความทุกข์
- วัตถุและการใช้ทรัพย์อย่างชาญฉลาด
- ธรรมชาติของบุคคลในสังคม
- การทำหน้าที่กัลยาณมิตร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ความขัดแย้งผลประโยชน์ ทำให้การแสวงหานั้นๆ ยืดเยื้อยาวนาน เกิดเป็นกระบวนการแทรกซ้อน และ ถ่วงเวลาให้ต้องห่างไกลจากความสุขที่แท้จริงไป การแสวงหาความสุขจากการใช้สิ่งของ หรือเครื่องอำนวยความสะดวกสบายในชีวิต เช่น รถยนต์ หรือเสื้อผ้าราคาแพง หรือการใช้ของฟุ่มเฟือย ไม่สมดุลกับรายได้ที่ได้มา แม้จะเป็นวัตถุสิ่งของที่ดี แต่ก็นำ มาซึ่งความทุกข์ใจที่จะต้องแสวงหาสิ่งมาสนองอารมณ์ที่ปรารถนา จนเปรียบเสมือนตกเป็นทาสในวัตถุนั้นๆ และเมื่อวนเวียนอยู่ในวงจรแห่งความปรารถนานี้ ย่อมทำให้เกิดความไม่รู้เป้าหมายชีวิตที่แท้จริงของตนเอง กลายเป็นบุคคลผู้มีเป้าหมายสูงสุดเพียงแค่การได้มาหรือได้เสพในสิ่งที่ต้องการ หรือบางกรณีมีบุคคลที่ รู้จักแสวงหาทรัพย์ มีความสุขจากการได้ทรัพย์มา แต่ติดยึดในสิ่งของเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์อำนวย ความสะดวก จนกลายเป็นบุคคลติดในทรัพย์ มีความหวงแหนและภาคภูมิใจ ซึ่งความสุขที่ได้ก็เป็นเพียงความ สุขชั่วคราวที่ไม่เที่ยงแท้ถาวร ไม่รู้จักใช้ทรัพย์อย่างฉลาดที่จะนำมาซึ่ง ความสุขทางกายและทางใจ โดยเฉพาะการที่จะใช้ทรัพย์ที่มีเพื่อยกระดับจิตวิญญาณของตน ด้วยการเสียสละ บริจาค เช่น การทำทาน เป็นต้น เปรียบเสมือนสระน้ำอันอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าหากอยู่กลางป่าห่างไกลลิบลับจากหมู่บ้าน ก็ไม่เกิด ประโยชน์แก่ผู้คนทั้งหลาย 1.3 ธรรมชาติของบุคคลที่เราจะไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร ในการเริ่มต้นทำหน้าที่กัลยาณมิตรเพื่อที่จะขยายเครือข่ายคนดี ก่อนอื่นเราต้องทราบธรรมชาติ ของคนในสังคมก่อน บุคคล 4 ประเภทที่พระองค์ตรัสไว้ โดยสรุปดังนี้ ก. บุคคลผู้อับปัญญา ยังไม่อาจให้บรรลุคุณวิเศษได้ในชาตินี้ เรียกว่า ปทปรมะ เทียบกับบัวจมใต้น้ำ จักเป็นภิกษาแห่งปลาและเต่าต่อไป ข. บุคคลผู้พอจะหาทางคอยชี้แจงแนะนำให้เข้าใจได้ต่อๆ ไป เรียกว่า เนยยะ เทียบกับบัวงาม ใต้พื้นน้ำจักบานในวันต่อๆ ไป ค. บุคคลผู้สามารถรู้เข้าใจได้ ต่อเมื่อได้อธิบายความนั้นให้พิสดารออกไป เรียกว่า วิปจิตัญญู เทียบกับบัวปริ่มน้ำ จักบานต่อวันรุ่งขึ้น ง. บุคคลผู้รู้เข้าใจได้ฉับพลันแค่พอยกหัวข้อขึ้นแสดงเท่านั้น เรียกว่า อุคฆฏิตัญญู เทียบกับบัวพ้นน้ำ แต่พอรับสัมผัสแสงตะวันก็จะบาน ณ วันนั้น อรรถกถามหาปทานสูตร, อรรถกถาทีฆนิกาย มหาวรรค, มก.เล่ม 13 หน้า 148-9. 8 DOU ทักษะการทำหน้าที่กัลยาณมิตร
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More