ข้อความต้นฉบับในหน้า
“อีกสาเหตุหนึ่งอาจเนื่องมาจากว่าการที่เราไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น
หากเราพูดออกมาจาก ความปรารถนาดีอย่างจริงใจ อยากสร้างบุญใหญ่ และมี
ศรัทธาจริงๆ ทุ่มเทจริงๆ คนฟังก็รับได้ มีสาธุชนบางท่านเคยพูดให้หลวงพี่
ได้ยินว่า ผมไม่รู้หรอกว่าวัดเป็นอย่างไร อยู่ตรงไหน บุญเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ รู้แต่
ว่าเห็นคุณมีศรัทธา ผมก็เลยมีศรัทธาในตัวคุณ แค่นี้เอง คือเห็นแล้วมีความรู้สึก
ว่าสิ่งที่เราทำมันสื่อถึงกันได้ จุดนี้เป็นจุดที่ได้ผลมาก”
“หากเราฝึกกาย คำพูด และจิตใจให้พร้อม ท่าทีเราดี จิตใจเราสูงส่ง
เพียงพอ เราจะทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี และเมื่อเราฝึกฝนในสิ่งเหล่านี้ได้
หลวงพี่เชื่อมั่นว่าต่อไปเราจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ อยู่กับใครก็อยู่ได้ เพราะเราจะมี
คุณธรรมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เข้ากับผู้อื่นได้ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
คุณธรรมหลายๆ อย่างในตัวเราจะเจริญงอกงามขึ้นได้จากการทำหน้าที่ของ
กัลยาณมิตรนี่เอง”
แต่อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจแล้วว่า
“ใจเป็นธาตุสำเร็จ”
“ความสำเร็จอยู่ที่ใจ”
“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
“ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ”
ดังนั้น จากคำกล่าวข้างต้นจะทำให้เราตระหนักได้ว่า จิตใจมีความสำคัญต่อบุคคลเป็นอย่างมาก
เพราะถ้าใจสู้ ใจมีความอดทน มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้ เราในฐานะผู้ทำหน้าที่
กัลยาณมิตรจึงควรฝึกจิตเสมอๆ โดยการนั่งสมาธิเพื่อให้จิตมีพลังที่จะไปยกระดับจิตใจเพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย
ให้สูงขึ้นได้
4.3 การสร้างกำลังใจเพื่อไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร
ในการทำจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น เราจะต้องตระหนักให้ได้อย่างชัดเจนว่า เราเกิดมาทำไม
และทำไมเราจึงต้องมาทำหน้าที่กัลยาณมิตร เมื่อเราทราบแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิดกำลังใจแก่ตัวเรา ดังเช่น
โอวาทตอนหนึ่งของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงชีวิตและเป้าหมายของทุกชีวิต
ว่าควรจะเป็นไปอย่างไร และเมื่อจะทำให้ชีวิตมีคุณค่าด้วยการทำหน้าที่กัลยาณมิตรนั้น จะได้รับอานิสงส์
อย่างไรดังนี้
โอวาทพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2547
บทที่ 4 ทักษะการทำหน้าที่กัลยาณมิตร ทางจิตใจ DOU 51