การฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา MD 101 สมาธิ 1  หน้า 33
หน้าที่ 33 / 117

สรุปเนื้อหา

การฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนาต้องยึดหลักสัมมาสมาธิ ซึ่งหมายถึงการทำให้ใจสงบ ปราศจากอกุศลธรรม ไม่ฟุ้งซ่าน โดยไม่ให้ใจเกาะเกี่ยวกับกามคุณทั้ง 5 อย่างเพื่อไม่ให้เกิดราคะ โทสะ โมหะ ขณะที่มิจฉาสมาธิคือการตั้งมั่นในสิ่งที่ผิด ซึ่งส่งผลให้ใจฟุ้งซ่านไม่ได้เข้าถึงนิพพานอย่างแท้จริง การฝึกสมาธิต้องปรับเปลี่ยนใจให้อยู่ภายใน และพิจารณาสภาวะตามความเป็นจริงเพื่อลดกิเลสและยังเป็นหนทางสู่การพ้นทุกข์ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยอ้างอิงจากพระไตรปิฎก

หัวข้อประเด็น

-หลักการฝึกสมาธิ
-สัมมาสมาธิ
-มิจฉาสมาธิ
-กามคุณ
-การเข้าถึงนิพพาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สรุปได้ว่า การจะฝึกสมาธินั้น บุคคลจะต้องยึดหลักการฝึกแบบสัมมาสมาธิ กล่าวคือ ฝึกเพื่อ การทำให้ใจสงบ ระงับจากกาม ปราศจากอกุศลธรรมทั้งหลาย และไม่ฟุ้งซ่าน จนกระทั่งใจตั้งมั่น ไม่ซัดส่าย ก็จะสามารถทำให้การฝึกและปฏิบัติของบุคคลนั้นถูกต้อง ตรงต่อพระพุทธธรรมคำสอน จนสามารถบรรลุ ถึงเป้าหมาย คือพระนิพพานได้ ทั้งนี้ การที่ใจจะไม่ฟุ้งซ่าน ใจจะต้องไม่คิดหรือตรึกในสิ่งที่จะทำให้ใจเกิดราคะ โทสะ โมหะ ซึ่งในพระไตรปิฎก ได้กล่าวถึงลักษณะของใจฟุ้งซ่านว่า จะมีลักษณะที่ซัดส่ายไปข้างนอก คือซัดส่ายไปในอารมณ์ คือกามคุณ ทำให้มีความพอใจในกามคุณ 5 อย่าง คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งทำให้ใจระคนปนเจือไปด้วยความตรึกไปในกาม 2. มิจฉาสมาธิ มิจฉาสมาธิ โดยความหมายที่ตรงข้ามกับสัมมาสมาธินั้น ก็หมายถึงการตั้งมั่นใจที่ไม่ชอบ หรือการ ที่ใจตั้งมั่นในสิ่งที่ผิด ซึ่งในพระไตรปิฎก ได้อธิบายว่าที่ชื่อว่า มิจฉาสมาธิ เพราะตั้งมั่นตามความไม่เป็นจริง ดังนั้นมิจฉาสมาธิจึงเป็นสิ่งที่แตกต่างจากสัมมาสมาธิ นั่นคือ มิจฉาสมาธิจะทำให้ใจซัดส่าย ฟุ้งซ่าน เป็นสภาพใจที่ส่งออกนอกเพื่อไปมีความพอใจในกามคุณ 5 อย่าง คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งทำให้ใจ ระคนปนเจือไปด้วยความตรึกไปในกาม ดังนั้นมิจฉาสมาธิจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้กิเลสคือ โลภะ โทสะ และโมหะ เบาบางลงได้ และไม่ใช่หนทางที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพานได้ ทั้งนี้ใน พระไตรปิฎกได้อธิบายไว้อีกว่า มิจฉาสมาธิ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน ? ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไปแห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบ สมาธินทรีย์ สมาธิพละ ความตั้งใจผิด ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า มิจฉาสมาธิ มีในสมัยนั้น ดังนั้น การฝึกสมาธิ จึงต้องยึดปฏิบัติตามหลักสัมมาสมาธิ ด้วยการไม่ส่งใจไปเกาะเกี่ยวกับกามคุณ ไม่ปล่อยใจให้ซัดส่ายเพลิดเพลินใน รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสทางกาย โดยในทางตรงข้าม จะต้อง น้อมใจให้อยู่ภายในกาย ให้ตั้งมั่น ไม่ซัดส่าย ไม่ฟุ้งซ่าน หมั่นพิจารณาสภาวะที่ปรากฏตามความเป็นจริง พร้อมด้วยการละโทสะ โมหะ และโทสะ ที่เกิดขึ้นในใจของตน อันจะสามารถนำไปสู่ทางพ้นทุกข์ และจะทำให้ บรรลุเป้าหมายสูงสุดในทางพระพุทธศาสนาได้ 2 วิภังคสูตร, อรรถกถาสังยุตตนิกาย มหาวารวรรค, มก. เล่ม 31 หน้า 165-166. อรรถกถาธรรมสังคณี จิตตุปปาทกัณฑ์, มก. เล่ม 76 หน้า 20. 3 *ธรรมสังคณี จิตตุปปาทกัณฑ์ อกุศลธรรม, มก. เล่ม 76 ข้อ 294 หน้า 15. 20 DOU บ ท ที่ 2 ประเภท และ ระดั บ ข อ ง ส ม า ธิ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More