อาการทางใจที่ส่งผลต่อสุขภาพกาย MD 101 สมาธิ 1  หน้า 74
หน้าที่ 74 / 117

สรุปเนื้อหา

อาการทางใจสามารถส่งผลต่อสุขภาพทางกาย เช่น อาการเครียดทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น เบาหวานและมะเร็ง ผู้ป่วยมักจะมีความรู้สึกตกใจและไม่ยอมรับเมื่อได้รับการวินิจฉัย โดยที่นายแพทย์ประภาส อุครานันท์ เน้นความสำคัญของการบำบัดจิตใจเมื่อร่างกายป่วย เพื่อเพิ่มการยอมรับและรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพ เงินที่ได้จากการรักษาจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจมากขึ้น ซึ่งการทำสมาธิจะช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูทางกายได้

หัวข้อประเด็น

-อาการทางใจที่ส่งผลต่อสุขภาพ
-ความเครียดและโรค
-พฤติกรรมของผู้ป่วยมะเร็ง
-การบำบัดจิตใจในผู้ป่วย
-สมาธิกับการรักษาโรค

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อาการทางใจที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือทางร่างกาย โรคภัยไข้เจ็บก็จะตามมา ทางการแพทย์สมัยใหม่ระบุต่อไปอีกว่า “กล้ามเนื้อต่างๆ ทำงานมากขึ้น ทำให้เกิดอาการหมดแรง ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมหมวกไตหลั่งสารแอดรีนาลีนสูง ทำให้กลายเป็นเบาหวานได้ง่ายขึ้น กระเพาะอาหาร ขับกรดออกมามากกว่าปกติ โอกาสเป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้มากขึ้น ระบบทางเดินอาหารอาจจะเกิดอาการ ท้องเสีย ท้องผูก หรือทั้งสองอย่างได้ ด้าน ระบบประสาท ทำให้นอนไม่หลับ ปวดหัว ใจสั่น ก็จะยิ่งทำให้อาการของระบบต่างๆ หนักขึ้น เพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ โอกาสเป็นโรคมะเร็งของอวัยวะใดอวัยวะ หนึ่งย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายเพราะความเครียดสะสมในใจมาเป็นแรมปี สร้างสารพิษ (Toxic) เกิดขึ้นในร่างกาย ! ” อีกด้านหนึ่ง อาการป่วยของคนไข้ทางร่างกายย่อมส่งผลไปสู่ทางจิตใจได้เช่นเดียวกัน เพราะโรค ร้ายแรงและคุกคามต่อชีวิต ย่อมมีผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของผู้ป่วย ดังเช่น เมื่อผู้ป่วยรู้ตัวว่าตนเอง เป็นมะเร็งหรือเริ่มสงสัยว่าจะเป็น ผู้ป่วยก็จะมีอาการตกใจ เกิดความกังวล อาจจะพยายามบ่ายเบี่ยง ปฏิเสธ ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ นายแพทย์ประภาส อุครานันท์” จิตแพทย์แห่งโรงพยาบาล นิติจิตเวช ได้กล่าวถึงพฤติกรรมทางจิตใจและพฤติกรรมของผู้ป่วย เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งโดยสรุปว่า ในเบื้องต้น ผู้ป่วยจะตกใจและปฏิเสธ อาจจะโทษแพทย์ว่าตรวจผิด อาจจะไปตรวจใหม่เพื่อยืนยันว่า ตนเอง ไม่ได้เป็นโรคดังกล่าว ต่อมาเมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นโรคจริง ผู้ป่วยก็จะเริ่มมีอาการทางจิตใจ คือ กังวล สับสน และโกรธ(Anxiet and anger) ซึ่งอาจจะแสดงอาการออกมาด้วยความก้าวร้าวทั้งทางกิริยาและคำพูด และเมื่อผ่านระยะนี้ไป ผู้ป่วยก็จะเริ่มสงบใจลงบ้าง แต่จะรู้สึกต่อรองในใจว่า อาจจะไม่เป็นโรคดังกล่าว หากมีการตรวจที่ละเอียดกว่านี้ แต่กระนั้นจะเริ่มมีอาการซึมเศร้า รู้สึกหมดหวัง และเริ่มจะยอมรับความจริง ว่าตนเองอาจจะเป็นโรคนั้นจริงๆ ระยะนี้ผู้ป่วยจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ มีอาการเหม่อลอย นายแพทย์ประภาส กล่าวว่าเป็นระยะสำคัญที่จะต้องให้ความสนใจผู้ป่วยโดยเฉพาะทางจิตใจให้มากขึ้น เพราะระยะนี้อาจจะ นำไปสู่ความเป็นโรคจิตได้ ตามปกติจิตแพทย์ก็จะทำจิตบำบัด จนกว่าผู้ป่วยจะถึงระยะที่ยอมรับ ความจริง ได้มากขึ้น และเริ่มสนใจที่จะยอมให้แพทย์รักษา ซึ่งในทางการแพทย์นั้นถือว่า การรักษาทางใจมีความสำคัญ ทั้งนี้นายแพทย์ประภาสได้สรุปว่า การที่จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจและยอมรับการรักษาโรคอย่างมี ประสิทธิภาพนั้น ควรจะทำสมาธิ อันเป็นการรักษาที่จิตใจและสามารถส่งผลต่อการรักษาทางร่างกาย ที่ได้ผล ฉัตรแก้ว (นามแฝง), “สมาธิ โรคร้าย หายได้” วารสารกัลยาณมิตร ฉบับพระสังฆาธิการ, (ปทุมธานี : มูลนิธิธรรมกาย, 2541), หน้า 51. - ประภาส อุครานันท์, “ช่วยเหลือใจ เมื่อกายป่วย” วารสารกัลยาณมิตร ฉบับเดือนตุลาคม, (ปทุมธานี : มูลนิธิธรรมกาย, 2539). หน้า 62. บ ท ที่ 5 ป ร ะ โ ย ช น ข อ ง ส ม า ธิ กั บ ชี วิ ต ประจำวัน DOU 61
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More