ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความสุขที่แท้จริงคือ การหลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข นั่ง นอน ยืน เดิน ก็เป็นสุข เป็นสุขอยู่ตลอด
เวลา ไม่เลือกสภาวะเวลาและสถานที่ ความสุขเช่นนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างปรารถนา
สมาธิเป็นสิ่งที่นำมนุษย์เข้าสู่ความสุขที่แท้จริงนี้ได้เป็นความสุขที่ต่อเนื่องกันทุกอิริยาบถทุกกิจกรรม
เพราะเมื่อใจของใครสามารถเข้าสู่ภายใน เข้าไปสนิทกับจุดศูนย์กลางกาย ผู้นั้นจะได้พบกับโลกส่วนตัว
พบความอัศจรรย์ พบแหล่งกำเนิดแห่งความสุขที่มนุษย์ทั้งมวลปรารถนา เป็นแหล่งแห่งความสุขที่มีอยู่
ในตัวของเรา เป็นความสุขที่แตกต่างไปจากความสุขธรรมดาที่พบอยู่ในชีวิตประจำวัน
ในเวลานั้น ผู้ที่มีใจหยุดได้ จะรู้ได้ทันทีว่าความสุขที่ตนเคยพบอยู่ทุกวันก่อนหน้านี้เป็นเพียง
ความสนุกสนาน เพลิดเพลินกันชั่วคราวเท่านั้น เกิดขึ้นชั่วครู่แล้วก็ดับหายไป เป็นความสุขเพียงเล็กน้อย
ไม่สามารถครอบครองได้ ซ้ำยังมีความทุกข์เจือปนอยู่
ความสุขเหล่านั้น แตกต่างจากความสุขภายใน ที่เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ แจ่มใสเจิดจ้าอยู่ตลอด
เวลาให้ทั้งความสุขและปัญญาโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยจากผู้ใดนอกจากใจที่หยุดแล้วของตัวเอง
เมื่อใดใจหยุด เมื่อนั้นจะได้คำตอบให้ตัวเองว่า ได้พบสิ่งที่แสวงหามาตลอดชีวิตแล้ว เป็น
ความสุขที่แท้จริง ที่ไม่รู้จักเบื่อและสามารถสุขได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนการเปิดเถาปิ่นโตเข้าไปเป็นชั้นๆ
เมื่อใดเข้าถึงดวงธรรมภายใน จะรู้ด้วยตัวเองว่า ความรู้จริงภายในนั้นกว้างใหญ่ ไม่มีขอบเขต
เป็นความรู้คู่ความสุข เต็มไปด้วยภูมิปัญญา เป็นสิ่งที่ค้นหาได้ด้วยใจอันสว่างไสว ชีวิตเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ปลอดภัย และมีความพอใจที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องแสวงหาที่ไหนอีกต่อไป นอกจากปล่อยใจให้ไหลลงไปใน
กระแสแห่งความสว่างไสวตรงศูนย์กลางกายเท่านั้น
ถ้าจะแยกความสุขที่ได้รับจากสมาธิตามกาลเวลาที่ส่งผลอีกนัยหนึ่ง จะสามารถแยกได้เป็น
2 ประการ คือ
สุขในปัจจุบัน คือความสุขที่ได้จากใจหยุดนิ่งในปัจจุบัน หรือสุขที่ได้จากฌานหรือสุขที่ได้จากการ
เข้าถึงพระธรรมกายในขณะที่ปฏิบัติธรรม เป็นสุขทันตาเห็นที่เราเริ่มต้นปล่อยใจให้ผ่อนคลายจากเรื่องราว
ที่วุ่นวายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน จากความเครียดที่เกาะกินใจ เมื่อใจเริ่มหยุด ความสุขก็จะเกิดขึ้นจากตรงนี้
และเมื่อได้ปฏิบัติต่อไป ความสุขจากสมาธินั้นจะลุ่มลึกไปตามลำดับจากสุขน้อยไปสู่สุขที่ยิ่งๆ ขึ้นไป
จนถึงสุขอย่างยิ่งคือพระนิพพานอันเป็นบรมสุข ดั่งคำพุทธพจน์ที่ว่า “นิพพานํ ปรม์ สุข” 1 นิพพานเป็นสุข
อย่างยิ่ง ความสุขเหล่านี้เราหาพบได้จากการหยุดใจ ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงพระอรหัตซึ่งจะเหนือจากสิ่งที่เรา
หาได้จากการกิน ดื่ม พูด คิด จากรูป รส กลิ่นและเสียงโดยทั่วไป อันเป็นเพียงความเพลินให้ลืมทุกข์ชั่วคราว
ซึ่งความสุขจากการดื่มกินเมื่อเทียบสุขที่เกิดจากการหยุดนิ่ง ก็เปรียบเสมือนเศษของความสุขเท่านั้น
ท่านจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า “นตฺถิ สนฺติปร์ สุข” สุขยิ่งกว่าหยุดนิ่งไม่มี นี้เป็นสุขที่ได้ในปัจจุบัน
2
มาคัณฑิยสูตร, มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์, มก. เล่ม 20 ข้อ 287 หน้า 496.
- ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่องเด็กหญิงแห่งตระกูลคนใดคนหนึ่ง, มก. เล่ม 42 ข้อ 25 หน้า 371
บ ท ที่ 6 ป ร ะ โ ย ช น ข อ ง สมาธิ ใน พระ พุ ท ธ ศ า ส น า DOU 73