ข้อความต้นฉบับในหน้า
4.3 ลักษณะของบุคคลที่ฝึกสมาธิได้ดี
แม้ว่าบุคคลที่มีลักษณะนิสัยต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว จะสามารถฝึกสมาธิได้ แต่ถ้าจะต้องการฝึก
ให้ได้ผลดีนั้น ผู้ฝึกสมาธิทุกคนต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ กล่าวคือ ต้องเป็นผู้มีความ
ปรารถนาที่จะเรียนรู้ มีร่างกายที่ไม่ล้า ไม่อ่อนเพลียจนเกินไป และต้องมีความยอมรับ ไม่มีเงื่อนไขใน
ตัวผู้ให้คำแนะนำ
การรักษาศีลให้บริสุทธิ์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะส่งผลให้จิตใจของผู้ฝึกสมาธิปลอดกังวล และจะส่งผล
ให้จิตใจ สงบหยุดนิ่งได้ง่าย มีคำอุปมาไว้ว่า ต้นไม้ที่เจริญงอกงามได้ เพราะอาศัยผืนแผ่นดินเป็นเครื่อง
รองรับฉันใด ใจที่จะเจริญงอกงามด้วยธรรมะได้ ก็ต้องอาศัยศีลเป็นเครื่องรองรับฉันนั้น เพราะฉะนั้นถ้าจะ
ให้ฝึกสมาธิได้ดี ก็ต้องเป็นคนมีศีลและสามารถรักษาศีลให้บริสุทธิ์ตามสภาวะของตน
ศีลที่รักษา อาจจะอยู่ในขั้นพื้นฐาน คือ ศีลทั้ง 5 ข้อ อันได้แก่
1. ไม่ฆ่า
2. ไม่ลัก
3. ไม่ประพฤติผิดในกาม
4. ไม่โกหกหลอกลวง
5. ไม่เสพของมึนเมาให้โทษ
หรือจะเป็นศีล 8 ที่มีข้อปฏิบัติอันเกื้อกูลแก่การฝึกสมาธิมากยิ่งขึ้น คือ
จากข้อ 3 ที่ว่าไม่ประพฤติผิดในกาม เปลี่ยนเป็นไม่ล่วงประเวณี และเพิ่มมาอีก 3 ข้อ คือ
6. ไม่ทานอาหารยามวิกาล (เลยหลังเที่ยงไปแล้ว)
7. ไม่ฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคม ดูการละเล่น ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้ ของหอม
8. ไม่นอนบนที่นอนสูงใหญ่
นอกจากนี้ในด้านจิตใจ ผู้ฝึกต้องละทิ้งปล่อยวางอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา และทำใจ
ให้ปลอดโปร่งจากเรื่องราวภารกิจ สิ่งนี้จะเป็นอุปการะช่วยให้ใจของเราเป็นสมาธิได้ง่าย
ดังนั้น เมื่อทุกท่านรับทราบถึงลักษณะของบุคคลที่สามารถฝึกสมาธิได้เช่นนี้แล้ว เราก็สามารถที่จะ
แนะนำและชักชวนให้บุคคลรอบข้างรวมทั้งคนในสังคมทุกคนได้มีโอกาสเข้ามาฝึกสมาธิ เพื่อท่านเหล่านั้นจะ
ได้รับรู้ถึงความสุขที่แท้จริงได้ด้วยตนเอง
50 DOU บ ท ที่ 4 ลั ก ษ ณ ะ บุ ค ค ล ที่ ส า ม า ร ถ ฝึ ก ส ม า ธิ ได้