ข้อความต้นฉบับในหน้า
ผู้ที่ฝึกสมาธิถึงแม้ยังต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพยังมีครอบครัวแต่ก็ยังมีเวลาปลดโลกออกจากบ่า
ได้ชั่วคราวขณะทำสมาธิ ดังนั้นถึงแม้จะอยู่ในโลกแต่ก็เหมือนกับอยู่กันคนละโลกเพราะเป็นโลกที่ได้รับ
การพักผ่อนบ้างแล้ว เมื่อละโลกไปก็ไปอย่างสบายไม่อาลัยยินดีในโลกมนุษย์อันเต็มไปด้วยภาระนี้ สามารถ
เลือกภพที่ตนเองต้องการเพื่อพักผ่อนได้
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่านได้ให้ทัศนะในเรื่องภพเอาไว้ว่า “ภพอันวิเศษนี้คือพระนิพพาน” เป็น
ภพที่วิเศษกว่าภพใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ในอายตนนิพพาน มีแต่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว
ผู้หลุดพ้นจากกิเลสจากอาสวะ” 1
ประการที่ 4 สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้
การเข้าถึงนิโรธสมาบัติก็คือการเข้านิพพาน
ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ นิพพานชนิดนี้เรียกว่า นิพพานเป็น
หรือที่เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน ซึ่งอยู่ในกายมนุษย์นี้
ผู้ที่ทำสมาธิได้ระดับนี้ จะสามารถนั่งสมาธิได้ตลอด 7
วัน 7 คืน โดยไม่รับประทานอาหารแต่อย่างใด แต่อยู่ได้
ด้วยปีติ คือ สุขจากการทำสมาธิ เราสามารถเข้าหา
ความสุข ในนิพพานนี้ได้ โดยต้องฝึกใจ ให้ใจหยุด
ใจนิ่งให้ได้เสียก่อน
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ให้ทัศนะไว้ว่า การเข้านิโรธสมาบัติ “เป็นเรื่องของพระอริยเจ้า คือการได้
เป็นพระโสดาบัน ได้เป็นพระสกิทาคามี ได้เป็นพระอนาคามี จนกระทั่งได้เป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์จะ
เข้านิโรธสมาบัติได้เพราะใจท่านไม่มีเครื่องเหนี่ยวรั้ง กิเลสไม่หุ้มห่อ ไม่มีอะไรผูกพัน ความโลภ ความโกรธ
ความหลงอะไรต่าง ๆ ละลายหาย สูญสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษไปหมดแล้วใสบริสุทธิ์แจ่มกระจ่างตลอดวันตลอดคืน
ตลอดเวลา ใจไปเป็นพระอรหันต์แล้ว จึงเข้านิโรธสมาบัติได้ นิโรธแปลว่าดับก็ได้ แปลว่าหยุดก็ได้ นิโรธะ
หยุด คือใจหยุดนิ่งอย่างดีแล้ว หยุดจากความอยากทั้งมวล เมื่อหยุดก็สว่าง เมื่อสว่างก็เห็น เมื่อเห็นก็รู้
พอรู้ก็หลุดเป็นไปตามลำดับ จนกระทั่งใจหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ บริสุทธิ์สว่าง เข้าถึงความสุข
ที่แท้จริงภายใน” 3
หน้า 42-47.
1
พระราชภาวนาวิสุทธิ์, พระธรรมเทศนา วันอาทิตย์ต้นเดือน, 6 พฤศจิกายน 2537, (เทปตลับ)
พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตตชีโว), คนไทยต้องรู้, พิมพ์ครั้งที่ 6, (กรุงเทพมหานคร : อักษรสมัย, 2537),
3 พระราชภาวนาวิสุทธิ์, พระธรรมเทศนา วันอาทิตย์ต้นเดือน, 6 พฤศจิกายน 2537, (เทปตลับ)
80 DOU บ ท ที่ 6 ป ร ะ โ ย ช น ข อ ง ส ม า ธิ ใ น พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า