ข้อความต้นฉบับในหน้า
พยาบาท กรณีเช่นนี้ในทางพระพุทธศาสนาถือว่าใจเป็นสมาธินอกลู่นอกทาง หรือที่เรียกว่ามิจฉาสมาธิ
เพราะใจยังมีความหมกมุ่นอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งที่เป็นอกุศล มิจฉาสมาธินี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรสนใจ
และไม่ควรฝึกอย่างเด็ดขาดเพราะมีแต่โทษฝ่ายเดียว
2.2 ระดับของสมาธิ
จากการทำสมาธิ ผู้ฝึกจะพบกับประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดจากการฝึก โดยสามารถจำแนกระดับ
ของสมาธิได้เป็น 3 ระดับ คือ
2.2.1 ขณิกสมาธิ คือ อาการที่ใจสงบนิ่งอยู่กับอารมณ์ชั่วขณะหนึ่ง เช่น 5-10 วินาที แล้วใจจะ
ค่อยๆ คิดฟุ้งซ่านออกไป อาการเหมือนช้างปรบหู ถ้าได้มีสติก็ดึงใจกลับมาใหม่ ค่อยๆ ประคอง อย่าใช้กำลัง
ทำอย่างต่อเนื่องก็จะได้ขั้นต่อไป
2.2.2 อุปจารสมาธิ ใจสงบหยุดนิ่งได้นานกว่าขั้นแรก คือ อาจเป็นกำหนดเวลา 5-10 นาที หรือ
นานกว่านั้นก็ได้ แต่ไม่ถึงขั้นฌาน ยังไม่ดิ่งลงไปแท้ เป็นแต่สมาธิ ที่เกือบจะแน่วแน่
2.2.3 อัปปนาสมาธิ ใจสงบหยุดนิ่งนานตามที่เราต้องการ เป็นขั้นที่แน่วแน่ ถึงฌาน ดิ่งลงไป
สุขุมกว่าอุปจารสมาธิ และมีระดับขั้นที่ยิ่งขึ้นไปเป็นลำดับๆ
ดังนั้น สามารถสรุปได้ว่าการฝึกสมาธิเป็นการฝึกที่จิตใจ เป็นการทำใจให้สงบ ตั้งมั่น แต่ใจจะ
ตั้งมั่นได้นั้น จะต้องกำหนดทำสมาธิให้ใจตั้งอยู่ ณ ที่ตั้งของใจที่จะทำให้ใจตั้งมั่น และเกิดความมั่นคงมากที่สุด
นั่นก็คือศูนย์กลางกายนั่นเอง เมื่อฝึกอย่างถูกวิธีแล้ว ย่อมจะทำให้ผู้ฝึกพบกับประสบการณ์ภายในที่ดี
ทำให้มีความสุข และย่อมสามารถนำไปสู่ทางพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้จะต้องตระหนักว่า การฝึกสมาธิ
ที่จะเป็นสัมมาสมาธินั้น มุ่งเพื่อให้ใจสงบ หยุดฟุ้งซ่าน ไม่ขุ่นมัว สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้ เกิดความ
เย็นกายเย็นใจ เพื่อให้เกิดสติ มีใจตั้งมั่น เข้มแข็งไม่หวั่นไหวง่าย เกิดความเชื่อมั่นตนเองในทางที่ถูก
เพื่อกำจัดกิเลสในใจ คือ โมหะ และอวิชชาอันเป็นบ่อเกิดของกิเลสทั้งหลายให้หมดไป
กิจกรรม
หลังจากนักศึกษาได้ศึกษา บทที่ 2 ประเภทและระดับของสมาธิ จบโดยสมบูรณ์แล้ว
โปรดทำแบบประเมินตนเองหลังเรียนบทที่ 2 และกิจกรรม 1, 2, 3 ในแบบฝึกปฏิบัติบทที่ 2
แล้วจึงศึกษาบทที่ 3 ต่อไป
อรรถกถาขุททกนิกาย มหานิทเทส, สัทธัมมปัชโชติกา, มก. เล่ม 65 หน้า 303.
บทที่ 2 ประเภท และ ระดั บ ข อ ง สมาธิ DOU 25