ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 159
៤៨
พุทธโอวาท
(ธรรม ๕ ก่อเกิดสุข)
๒๔ ตุลาคม ๒๔๙๗
นโม.....
อพยาปัชช์ สุข โลเก......
พระพุทธเจ้าทรงประทานเทศนานี้แก่ บริษัท ๔ ให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่ประชุมชนในยุคนั้น
จนถึงทุกวันนี้ว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ดำเนินมาอย่างไร จึงได้รับความสุขอย่างยิ่ง ตามที่พระ
บาลีมีว่า
อพยาปัชช์ ฯ ความไม่เบียดเบียนเป็นสุขในโลก
ขยายความ
ความสำรวมระวังในสัตว์มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตเป็นเหตุให้รักษา
ความปราศจากความกำหนัดยินดี เป็นสุขในโลก
ก้าวล่วงเสียซึ่งกาม
นำเสียซึ่งอัสมิมานะ
นี้เป็นสุขอย่างยิ่ง
๑. “ความไม่เบียดเบียนเป็นสุขในโลก”
ตนของตน ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นด้วยกาย วาจา ใจ ตนก็เป็นสุข คนอื่นที่ไม่ถูกเบียด
เบียนก็เป็นสุข เพราะความเบียดเบียนเป็นทุกข์ในโลก
โลก คือ หมู่สัตว์ ที่ไปเกิดมาเกิด อาศัยขันธ์ ๕ อยู่
โอกาสโลก คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณ อากาศ
ขันธโลก คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นขันธ์ ๕
โลกกำลังเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เดิมเริ่มจากตนนั่นเองเบียดเบียนกับบุคคลอื่นสองคน
เท่านั้นในโลก ตั้งแต่สกุลเดียวกัน มาถึงมารดาบิดาเบียดเบียนกันขึ้นก่อน ลูกก็เอาอย่างเบียดเบียน
กันบ้าง ถึงขั้นตบตี อยู่ร่วมกันไม่ได้ มารดาบิดาคุมไม่อยู่ ก็ต้องเป็นทุกข์ ตระกูลไม่เป็นกลุ่มก้อน
เพราะความเบียดเบียน
ทั้ง ๒ ครั้ง
ต่อไปขยายเป็นประเทศเบียดเบียนประเทศ ต้องพากันทุกข์ยากเดือดร้อน เช่น สงครามโลก
จึงเห็นว่า การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เกิดขึ้นเพราะความไม่เบียดเบียน ประเทศหนึ่งไม่
เบียดเบียนกันทั้งหมด ประเทศนั้นก็เจริญรุ่งเรือง ไม่ต้องมีตำรวจเฝ้า ไม่ต้องมีศาลตุลาการ
การที่จะไม่เบียดเบียนกันเช่นนี้ได้ ต้องอาศัยพระพุทธศาสนาแท้ๆ