ข้อความต้นฉบับในหน้า
182 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
๕๔
ความใม่ประมาท ๒
๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๗
นโม...
ปมานํ อปปมาเทน...
พุทธภาษิตนี้ เป็นเทศนาอุปมาอุปไมย ซึ่งพระบรมศาสดาทรงรับสั่งด้วยพระองค์เอง
ปมาท์ ออุปมาเทน ฯ เมื่อบัณฑิตผู้ละ หรือผู้บรรเทาความประมาทเสียด้วยความไม่ประมาท
เป็นผู้มีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตัว ขึ้นสู่ปราสาทเป็นภูมิอันสูงของปัญญา
แลลงมาเห็นเหล่าพาลชนทั้งหลาย เป็นผู้ไม่กระวนกระวาย เห็นหมู่สัตว์
กระวนกระวาย ดุจบุคคลผู้ขึ้นยืนบนภูเขา แลลงมาเห็นบุคคล ผู้ยืนอยู่ที่
ภาคพื้น ฉะนั้น
“ความประมาท” คือ เลินเล่อเผลอตัว ตรงข้ามกับ “ความไม่ประมาท” คือไม่พลั้ง ไม่เผลอ
มีสติอยู่เสมอ
ธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ย่อลงเหลือวินัยปิฎก สุตตันตปิฎก ปรมัตถปิฎก
ความไม่ประมาท จึงเป็นยอดของพระไตรปิฎก ที่รวมลงของความดีทั้งหลาย
เมื่อละความประมาท จึงมีปัญญาขึ้นสู่ปราสาท คือ ภูมิอันสูงสุดของปัญญา เห็นพาลชนผู้
กระวนกระวายอยู่บนภาคพื้น
ผู้ไม่ประมาท มีสติตรึกอยู่ที่ศูนย์กลางดวงธรรมที่เป็นกายมนุษย์ ให้เห็น จำ คิด รู้ เป็นจุด
เดียวกัน เข้าถึงดวงธรรม ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ จน
กระทั่งเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด
ที่เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดได้ เพราะความแน่วแน่ ไม่ประมาทแท้ๆ และเมื่อถึงกายมนุษย์
ละเอียดก็มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เหมือนกัน ก็มองดูเห็นว่า กายมนุษย์นั้นเลินเล่อ มีตัวอภิชฌา
พยาบาท เห็นผิดจากคลองธรรมที่เป็นทางไปของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เหมือนมองจากภูเขา ดู
กายมนุษย์ และต้องใช้ทานกำจัดอภิชฌา เมตตากำจัดความพยาบาท เห็นชอบตามคลองธรรม เห็น
ถูกว่าพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ไปทางนี้
กายมนุษย์ละเอียดก็นึกว่า เราขึ้นมาได้เช่นนี้ เพราะความไม่ประมาท จึงยึดความไม่ประมาท
ให้มั่นต่อไป พอใจหยุดถูกส่วนก็เข้าถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณ
ทัสสนะ จนกระทั่งเข้าถึงกายทิพย์
กายทิพย์ก็มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ลืมตาดูเห็นกายมนุษย์ละเอียดยังมีความโลภอยากได้
ของเขา พยาบาทปองร้ายเขา เห็นผิดจากคลองธรรม แต่ว่าอย่างละเอียด เหมือนมองจากบนปราสาท