ข้อความต้นฉบับในหน้า
๕๐
การแสดงศีล
(กิเลสอาสวะ)
๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๗
นโม.....
สีลปริภาวโต.....
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 165
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักของพระพุทธศาสนา
ในการสังคายนา พระไตรปิฎก ซึ่งมีพระมหากัสสปะเป็นประธาน ได้แบ่งไว้เป็น ๓ หมวด คือ
พระวินัย
มี ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จัดเป็นศีล
พระสูตร หรือ สุตตันตปิฎก มี ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จัดเป็นสมาธิ
พระปรมัตถปิฎก (พระอภิธรรม) มี ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จัดเป็นปัญญา
ตามพระบาลีกล่าวว่า : สีลปริภาวโต ฯ ศีลเจริญขึ้นแล้ว มีสมาธิเป็นอานิสงส์
สมาธิเจริญขึ้นแล้ว มีปัญญาเป็นผลอานิสงส์
ปัญญาเมื่อเจริญขึ้นแล้ว อบรมจิตให้หลุดพ้นจากอาสวะ
ศีล โดยปริยัติ : คือ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ > ศีลของพระภิกษุ
ศีล โดยปฏิบัติ : คือ ศีลภายใน หมายถึง เจตนา ความคิดอ่านทางใจ (คิดดีคิดชั่ว คิดไม่ดี
ไม่ชั่ว) มีเจตนาภายในก่อน แล้วจึงรักษาศีลได้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เจตนาเป็นศีล”
ใจ คือ อะไร ?
- คือ เห็น จำ คิด รู้ รวมเป็นจุดเดียวกัน
- ที่เกิดของใจ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถูกกลาง “ดวงธรรม” (ดวงปฐมมรรค) ที่ทำให้
เป็นกายมนุษย์ มนุษย์เกิด ดับ หลับ ตื่น ตรงนั้น
- พอใจหยุดกลางดวงปฐมมรรค ก็เห็น ดวงศีล “จะรู้จักศีลจริงๆ ศีลภายในไม่ใช่ศีลข้างนอก
ศีลโดยทางปฏิบัติ ไม่ใช่ศีลทางปริยัติ” ใสบริสุทธิ์เท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ หยุดกลางดวงศีล เห็น
ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ แล้วจึงเห็นกายมนุษย์ละเอียด ที่เป็น
กายฝัน เวลาเราหลับแล้วฝันไปเห็นเหตุการณ์ต่างๆ
“เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ฝัน ลองฝันให้ดูสักเรื่องซิ เอาเรื่องเชียงใหม่กันเชียวนะ
กระพริบตาเดียว เอาดอยสุเทพมาเล่าให้ฟังแล้ว ไปเชียงใหม่มาแล้ว กระพริบตา
เดียว นั่นแน่ ฝันเร็วขนาดนั้นแน่ะ”