ข้อความต้นฉบับในหน้า
พ ร ะ ร า ย ก า ว น า ร ส ท 3 ( ห ล ว ง พ่ อ ธั ม ม ม โ ย ) 21
พ่อค้าได้ถวายอาหารกับพระเถระ พระอานนท์จึงถือโอกาสสนทนากับพ่อค้านั้น
โดยถามว่าท่านจะอยู่ที่นี่นานไหม?
พ่อค้าตอบว่า “กระผมเดินทางมาไกล ถ้าจะเดินทางต่อไปอีก ก็กลัว
จะเสียเวลาเสียงาน จึงตั้งใจจะอยู่ขายสินค้าที่นี่ จนตลอดฤดูกาล”
พระอานนท์จึงบอกอุบาสกว่า “อันตรายของชีวิตรู้ได้ยาก ทำไมท่าน
มัวประมาทในชีวิตเล่า”
“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อันตรายอะไรหรือจักมีแก่กระผม”
“อุบาสก ท่านจะมีชีวิตอยู่อีกเพียง ๗ วันเท่านั้น”
พ่อค้าได้ฟังเช่นนั้น เกิดความสลดใจ จึงตั้งใจว่าเวลาที่เหลืออยู่ เรา
ต้องรีบทำความดี เพราะตอนนี้ชีวิตเราดุจไม้ใกล้ฝั่ง จึงตั้งใจถวายสังฆทาน
โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๗ วัน
ในวันที่ ๗ พระศาสดาได้ประทานโอวาทว่า “ดูก่อนอุบาสก ธรรมดา
บัณฑิตไม่ควรประมาท อย่าคิดว่าเราจะอยู่ในที่นี้ ประกอบการงานตลอดฤดู
ทั้ง ๓ ควรคิดถึงความตายบ้าง” แล้วตรัสเทศนาไม่ให้ประมาทในชีวิต พอ
เทศนาจบ พ่อค้าก็มีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงธรรมกายพระโสดาบัน
เมื่อพระศาสดาเสด็จกลับ พ่อค้าเดินตามไปส่ง พระพุทธองค์และ
หมู่แห่งภิกษุ พอกลับมาถึงที่พัก เกิดปวดศีรษะกะทันหัน จึงนอนพัก แล้วก็
สิ้นชีวิตวันนั้นเอง แต่ด้วยอานิสงส์แห่งบุญที่ได้ตั้งใจทำในช่วงบั้นปลายชีวิตตลอด
๗ วัน และมีดวงตาเห็นธรรม จึงได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
จากเรื่องนี้ เราทั้งหลายจะได้ข้อคิดว่า ชีวิตดุจไม้ใกล้ฝั่ง ชีวิตเราอยู่
ใกล้ความตายทุกขณะจิต จะตายเมื่อไร ที่ไหน กำหนดวัน เวลา สถานที่ไม่ได้
เหมือนต้นไม้ที่ริมตลิ่ง ซึ่งจะถูกกระแสน้ำเซาะให้พังลงไปทุกวัน ชีวิตของเรา
ก็เช่นเดียวกัน ย่อมถูกกระแสแห่งความชรา ความเจ็บ และความตาย ซัดสาด
ให้แตกดับไปได้ทุกเมื่อ บุคคลใดไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต หมั่นตักเตือน
ตัวเองอยู่เสมอ และรีบเร่งทำความเพียร ชีวิตของเขาย่อมประสบความสุข
อย่างแน่นอน