ข้อความต้นฉบับในหน้า
พ ร ะ ร า ย ก า ว น า ร ส ท 3 ( ห ล ว ง พ่ อ ธั ม ม ม โ ย ) 51
ของมาลาภารีเทพบุตร จึงอยากจะกลับไปเกิดบนสวรรค์อีก เพราะรู้ว่า
สวรรค์มีความสุขอันประณีตกว่าโลกมนุษย์มากมายนัก
เมื่อเติบโตขึ้น นางหมั่นทำบุญกุศลไม่ได้ขาด ได้ถวายทานแด่พระ
ภิกษุสงฆ์เป็นประจำ พอถึงวันพระ ก็รักษาอุโบสถศีล เข้าวัดฟังธรรมจาก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ขาด พออายุ ๑๖ ปีได้แต่งงาน มีครอบครัวตามประสา
ชาวโลกทั่วไป แต่ว่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือ เวลานางทำบุญอะไรก็ตาม นาง
จะอธิษฐานจิตขอให้ได้ไปเกิดอยู่ร่วมกับสามีเทพบุตร ซึ่งอยู่บนสวรรค์
บางคนได้ยินก็ไม่เข้าใจ หาว่านางเสียสติเพ้อเจ้อบ้าง เพราะไม่รู้ว่า
จะอธิษฐานอย่างนั้นไปทำไม ในเมื่อสามีคนปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ ชาวบ้าน
จึงเรียกชื่อของนางว่า “ปติปูชิกา” หมายถึงหญิงผู้บูชาสามีนั่นเอง แต่นางก็ไม่
ได้ใส่ใจอะไร ตั้งใจทำความดีเรื่อยไป ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งนางจะได้ไปเกิด
อยู่ร่วมกับสามีเดิมบนสวรรค์ นางได้ใช้ชีวิตครอบครัวเรื่อยมา จนกระทั่งมี
บุตรถึง ๔ คนด้วยกัน แล้วได้แนะนำเส้นทางไปสู่สวรรค์ให้ลูกๆ ด้วยการสอน
ให้หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
วันหนึ่งหลังจากที่นางล้มป่วยลงกะทันหัน ถึงแก่ความตาย นางได้
กลับไปบังเกิดเป็นเทพธิดาอยู่กับมาลาภารีเทพบุตรดังเดิม ซึ่งขณะนั้นเทพธิดา
ทั้งหลายกำลังประดับประดาดอกไม้ให้เทพบุตรอยู่ในสวนนันทวัน
เมื่อเทพบุตรเห็นนาง จึงถามว่า “เมื่อกี้เธอหายหน้าไปไหนมา”
เทพธิดาตอบว่า “หม่อมฉันได้จุติจากสวรรค์ แล้วไปบังเกิดบน
มนุษยโลก”
เทพบุตรเมื่อได้ฟังแล้วเกิดความสงสัย จึงไต่ถามต่อไปว่า “เธอลง
ไปเกิดในโลกมนุษย์ แล้วไปทำอะไรมาบ้าง มนุษย์ในโลกเขาทำอะไรกัน”
นางจึงได้เล่าเรื่องที่ไปประสบมาทั้งหมดให้ฟัง แล้วบอกว่า “มนุษย์ส่วน
ใหญ่มีความประมาทกันมาก คิดว่าอายุ ๑๐๐ ปีนั้น ยาวนานเป็นอสงไขย
เหมือนกับว่าจะไม่แก่ไม่ตายกัน แต่หม่อมฉันไม่ประมาท ตั้งใจทำความดีอย่าง
เต็มที่ เพื่อจะได้กลับมาอยู่บนสวรรค์ร่วมกับท่านอีก”