ข้อความต้นฉบับในหน้า
52 SONWSSSSWINBU1
0
เห็นไหมจ๊ะ เวลา ๑๐๐ ปี ในโลกมนุษย์ เท่ากับชั่วครู่เดียวในสวรรค์
เท่านั้นเอง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการทำความดีเลย แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็ยัง
ประมาทกันอยู่มาก ส่วนพวกเรารู้อย่างนี้แล้ว จึงไม่ควรประมาทในวัยและชีวิต
จำเป็นที่จะต้องหมั่นประกอบความดี สร้างบารมีโดยไม่มีข้อแม้ ข้ออ้างและ
เงื่อนไข เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาด รีบสั่งสมบุญติดตัวไปข้ามภพข้าม
ชาติ
เพราะบุญเป็นเพื่อนแท้ในการเดินทางไกลในสัมปรายภพ
และเป็น
ที่พึ่งในระหว่างที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งทั้งใน
โลกนี้และโลกหน้า บุญนั้นเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถเอาติดตัวไปได้ เหมือน
เงาตามตัวที่จะคอยติดตามเจ้าของไปทุกหนทุกแห่ง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า บุคคลผู้ประมาท ก็เหมือนคนตาย
แล้ว คือแม้มีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากว่าประมาท ชีวิตนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร เหมือน
ชีวิตของคนที่ตายไปแล้ว
ความประมาทเป็นภัยในวัฏฏสงสาร ที่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย หลง
วนเวียนอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ หาทางหลุดพ้นไม่ได้ เมื่อละความประมาทได้
เราก็จะหลุดพ้นจากห้วงทะเลแห่งความทุกข์ มีปัญญาขึ้นสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน
เสวยบรมสุขอันแท้จริง
เพราะฉะนั้น ความไม่ประมาทจึงเป็นยอดของความดี ความดี
ทั้งหลายก็รวมลงอยู่ในความไม่ประมาทนี่แหละ ถ้าจะให้ไม่ประมาทต้องเอาใจ
หยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ไม่ให้พลั้งเผลอ มีสติอยู่ตลอดเวลา ใจไม่
ให้เคลื่อนจากศูนย์กลางกาย ทำอย่างนี้ได้ชื่อว่าไม่ประมาท เพราะใจหยุด
คือสุดยอดของความไม่ประมาท ต้องหยุดให้ได้ตลอดเวลา หยุดนิ่งอย่าง
สบายๆ อย่าให้เผลอ
พอหยุดถูกส่วนเข้า
เดี๋ยวเราก็จะเข้าถึงปฐมมรรคอย่างง่ายๆ จะ
เห็นดวงใสกลมรอบตัว อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาด
ดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ใสบริสุทธิ์
อยู่ภายใน