ข้อความต้นฉบับในหน้า
พ 5 : 5 1 0 0 1 0 น า วิ สุ ท ธิ์ ( ห ล ว ง พ่ อ 5 ม ม ม โ ย ) 35
ก่อนที่เราจะรู้จักหนทางสายกลาง
๒
ขอให้เราทำความรู้จักกับฐานที่
ตั้งถาวรของใจเสียก่อน ฐานที่ตั้งถาวรของใจนั้นเราเรียกว่า ศูนย์กลางกายฐาน
ที่ ๗ ฐานที่ ๗ นี้อยู่ที่ไหน สมมติว่าเราขึงเส้นด้ายจากสะดือทะลุไปข้างหลัง
จากข้างขวาทะลุไปด้านซ้าย เส้นด้ายทั้ง ๒ ตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็ก
เท่ากับปลายเข็ม จุดตัดนี้เรียกว่าฐานที่ 5 ยกถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เอา
นิ้วชี้และนิ้วกลาง ทาบตรงจุดนี้ จุดนี้เรียกว่าฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางกาย
เป็นหนทางสายกลาง ที่เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา เป็นหนทางที่พระพุทธเจ้า
และพระอรหันต์ทั้งหลายเสด็จเข้าสู่พระนิพพานนั่นเอง เราจะต้องเอาใจของ
เรามาหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา
ให้ประคับประคองใจของเรา นำใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย
ตรงฐานที่ ๗ นี้โดยกำหนดบริกรรมนิมิต เป็นเครื่องหมายที่ใสสะอาด บริสุทธิ์
ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา
ให้ใจตรึกนึกถึงดวงใส หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมนิมิต
นึกอย่างเบาๆ สบายๆ ตรึกให้ต่อเนื่องกันไป พร้อมกับนึกถึงบริกรรมภาวนา
ในใจโดยให้เสียงของคำภาวนา ดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของบริกรรมนิมิต
ภาวนาว่า สัมมา อะระหังๆ ภาวนาไปเรื่อยๆ
ถ้าไม่เผลอจากบริกรรมทั้ง ๒ ไม่ช้าใจก็จะหยุดนิ่ง พอใจหยุดนิ่งถูกส่วน
คำภาวนา สัมมาอะระหัง ก็จะเลือนหายจากใจ เหลือแต่ดวงใสอย่างเดียวเกิด
ขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ พร้อมกับความรู้ตัวภายใน ใจจะหยุดอยู่ที่ดวงใส
เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ให้ตรึกถึงดวงใสอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ประคองไปเรื่อยๆ พอ
ถูกส่วนเข้าก็เข้าถึงดวงปฐมมรรค แล้วก็จะพบกายในกายไปตามลำดับ
นี่ต้อง ทำกันอย่างนี้ ถ้าได้ดวงใสอย่างนี้แล้ว นั่นแหละพบหนทางสาย
กลางแล้ว นี่ก็จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเราได้พบหนทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่ช้า
เราจะไปสู่อายตนนิพพานได้