ข้อความต้นฉบับในหน้า
445)Nw5:SSSNINNU1
0
ชีวิตในปัจจุบันท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ ไม่เพียงแต่
เราจะมือถึง ใจถึง ตาถึง ทุนถึง หรือทีมถึง แค่นั้นยังไม่พอ จำเป็น
อย่างยิ่งที่จะต้องมี “บุญถึง” ด้วย ถ้ามีบุญแล้วทุกอย่างย่อมสำเร็จหมด
บุญจึงเป็นหลักเป็นประธานในทุกๆ สิ่ง เมื่อเราอยากจะประสบความ
สำเร็จอยู่เสมอๆ เราจำเป็นต้องหมั่นทำบุญบ่อยๆ เหมือนน้ำฝนที่หยดลงมา
ทีละหยด ยังสามารถเต็มทุ่มได้ บุญที่เราได้สั่งสมบ่อยๆ สักวันหนึ่งก็จะเต็ม
เปี่ยมได้ ดังนั้นบุญเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทุกชีวิต
พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้เราหมั่นทำบุญบ่อยๆ อย่าเบื่อหน่ายในการ
สั่งสมบุญบารมี และให้ทำความพอใจในการทำบุญ ก่อนทำก็ดีใจปีติใจ ใน
ขณะทำก็ให้เลื่อมใส ใจเป็นบุญเป็นกุศลล้วนๆ ทำความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
เมื่อทำบุญแล้ว ก็ให้ปลื้มใจ ระลึกนึกถึงคราใดก็มีแต่ความสุขความเบิกบาน
เพราะฉะนั้นเราต้องหมั่นสั่งสมบุญทุกวันอย่างต่อเนื่อง เพราะการสั่งสมบุญ
เป็นเหตุนำสุขมาให้
เช่นเรื่องของพราหมณ์คนหนึ่ง ผู้มีความเกื้อกูลต่อพระภิกษุสงฆ์ มี
อยู่วันหนึ่ง พราหมณ์ได้มายืนอยู่หน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ มองเห็นพระภิกษุท่าน
ออกบิณฑบาตในยามเช้า เดินผ่านหนทางที่เป็นทุ่งหญ้า ชายจีวรของพระภิกษุ
เปียกน้ำค้างที่อยู่ตามยอดหญ้า พราหมณ์คนนี้ก็คิดว่า “จีวรของพระท่านถูก
น้ำค้างแล้วสกปรก เราจะต้องเอาจอบไปดายหญ้า ทำทางให้พระท่านเดิน
ได้สะดวก”
วันรุ่งขึ้น พราหมณ์จึงถือจอบไปถางหญ้าที่หนทางนั้น ให้เป็นลาน
กว้างเดินได้สะดวก เมื่อภิกษุทั้งหลายเดินผ่านมาที่บริเวณนั้น เห็นว่าเป็น
ลานกว้างดี ท่านจึงจัดห่มจีวร
พราหมณ์เห็นชายจีวรของพระรูปหนึ่ง ลาดลงไปกับพื้นดิน มีรอย
เปื้อนฝุ่น จึงคิดว่า “เราจะหาทรายมาเกลี่ยพื้น จะได้ไม่มีฝุ่นอีก”
แล้วได้นำทรายมาเกลี่ยลงตรงนั้น ต่อมาพราหมณ์สังเกตเห็นว่า ก่อน
ที่พระภิกษุจะฉันภัตตาหาร ได้ถูกแสงแดดส่อง ร้อนจนเหงื่อไหลออกมา จึง
คิดว่า “เราจะสร้างมณฑปเพื่อกันแดดให้พระท่าน” แล้วก็ได้สร้างมณฑปอย่าง
ประณีตสวยงาม