ข้อความต้นฉบับในหน้า
พ ร ะ ร า ย ก า ว น า ร ส ท 3 ( ห ล ว ง พ่ อ ธั ม ม ม โ ย ) 31
คล้ายกับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตา หลับพอสบายๆ
ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก
เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย ขยับกันให้ดี ปรับให้เบาๆ สบายๆ
ความสบายนี้ เป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรมที่เดียว สติกับสบาย
จะต้องไปคู่กัน ไม่ว่าเราจะปฏิบัติธรรมด้วยวิธีการอย่างไร จะปฏิบัติแบบไหน
ก็ตาม หลักมีอยู่ว่าจะต้องให้สติกับสบายไปคู่กัน อย่าให้แยกจากกัน สอง
อย่างนี้จำไว้ให้ดี
หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านแนะให้กำหนดบริกรรมนิมิตเป็นดวงใสกับ
บริกรรมภาวนา สัมมาอะระหัง ใจจะต้องไม่เผลอจากบริกรรมทั้งสองอย่างนี้
เรียกว่ามีสติ แต่วิธีการกำหนดสตินั้นต้องทำอย่างสบายๆ นี่สำคัญนะจ๊ะ สติ
กับสบายทั้งสองนี้ จะต้องไปคู่กันตลอดเส้นทาง ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งถึงที่
หมายปลายทางที่เดียว ให้ทำคู่กันไปอย่างสม่ำเสมอ ทำใจของเราให้สดชื่น
ผ่องใส เบิกบาน ด้วยใจที่เยือกเย็น ใจของเราจะได้บริสุทธิ์ขึ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะหนทางแห่งความบริสุทธิ์ เอาไว้ว่า
มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสัมพุทธา จักขุกรณี ญาณกรณี
อุปสมาย อภิญญาย สมโพธาย นิพฺพานาย สวตฺตติ
หนทางสายกลาง พระตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง
เกิดธรรมจักขุ เกิดญาณเครื่องรู้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเข้าไปสงบระงับ
เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม และเพื่อพระนิพพาน
หนทางในโลกนี้มีมากมาย ทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ แต่
หนทางที่จะหลุดพ้นจากโลก หลุดพ้นจากภพ หลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร มีเพียง
หนทางเดียวเท่านั้น เรียกว่า “หนทางสายกลาง” หรือ “มัชฌิมาปฏิปทา”
เป็นหนทางแห่งความบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวล พระพุทธศาสนาเป็น
ศาสนาเดียวในโลก ที่ชี้แนะหนทางหลุดพ้น จากวงจรแห่งวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง
เพื่อให้บรรลุถึงบรมสุข อันเป็นอมตะนิรันดร์กาล
มัชฌิมาปฏิปทา หรือหนทางสายกลางนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
แสดงไว้ใน “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ธรรมจักร หรือจักรแห่งธรรม คือ