ข้อความต้นฉบับในหน้า
พ 5 : 5 1 0 0 า ว น า วิ สุ ท ธิ์ ( ห ล ว ง พ่ อ ธั ม ม ม โ ย ) 49
ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ผ่องใส แล้วน้อมนำใจของเรามาตั้งไว้ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งเป็นที่ตั้งของใจที่แท้จริง
ศูนย์กลางกายนั้นอยู่เหนือสะดือขึ้นมาสองนิ้วมือ โดยสมมติว่า เราจึง
เส้นด้ายจากสะดือทะลุไปด้านหลัง จากด้านขวาทะลุไปด้านซ้าย เส้นด้ายทั้ง
สองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงนี้เรียกว่าฐานที่ 5
เหนือจุดตัดนั้นขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้เอาใจมา
วางไว้ตรงนี้ วางอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ โดยไม่เร่งร้อน ไม่เร่งรีบ แตะใจไป
ตรงกลางอย่างแผ่วเบา พร้อมกับนึกถึงบริกรรมนิมิตเป็นดวงแก้ว หรือองค์
พระแก้วใส สะอาด บริสุทธิ์ นั่งขัดสมาธิอยู่ภายใน นึกไปเรื่อยๆ อย่าง
สบายๆ พร้อมกับภาวนาในใจว่า สัมมา อะระหังๆ ๆ
ฐานที่ ๗ นี่สำคัญนะจ๊ะ เป็นทางไปเกิดมาเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
หลวงพ่อขอย้ำว่าเป็นฐานที่ตั้งของใจเราอย่างแท้จริง เราจะต้องเอาใจของ
เรามาหยุดนิ่งที่ตรงนี้ ให้หยุดอยู่ตลอดเวลา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน อัจเจนติสูตร ว่า
“กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละไปตามลำดับ
บุคคลเมื่อเห็นมรณภัยแล้ว พึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสู่สันติเถิด”
ท่านตรัสไว้ชัดเจนอย่างนี้ เพราะว่าวันคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชีวิต
ของเราร่วงโรยไปทุกขณะจิต ความแข็งแรงก็เสื่อมถอยไปตามลำดับ เริ่มแรก
จากวัยทารกที่ไร้เดียงสา ย่างสู่วัยเด็กที่มีแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลิน แล้ว
ก็เข้าสู่วัยรุ่น วัยแห่งความเป็นหนุ่มเป็นสาว มีร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยมีโรค
ภัยไข้เจ็บ เป็นวัยที่สนุกสนานร่าเริง จากนั้นชีวิตเข้าสู่วัยกลางคน เป็นวัย
ของการทำงาน ทุกคนต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ต้องดูแลทั้งครอบครัว
ธุรกิจการงาน ต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อสร้างฐานะความมั่นคงในชีวิต
เมื่อผ่านชีวิตช่วงนี้มาแล้ว ก็ก้าวเข้าสู่วัยที่มากด้วย ประสบการณ์
ร่างกายเริ่มแก่ชราเรี่ยวแรงค่อยๆ ถดถอยลงไป สังขารมีการเปลี่ยนแปลง
ไปสู่ความเสื่อม ในที่สุดก็เสื่อมสลายนำไปสู่ความตาย ชั้นแห่งวัยของมนุษย์
ได้ละลำดับไปอย่างนี้