ข้อความต้นฉบับในหน้า
10
วิสุทธิวาจา 1
เมื่อคิดตกลงใจดังนี้แล้ว ก็ลองทำเป็นตายดู นอนแผ่ลงไปที่ท้ายเรือ
นั้น แล้วก็ทำตาย ตายแล้วทำไปหาคนที่เป็นญาติบ้าง พี่น้องบ้าง เพื่อนที่ชอบ
กันบ้าง เขาก็ไม่เห็นเรา เพราะเราเป็นผี เราก็เอาก้อนดินบ้าง ไม้บ้าง โยน
หรือปาเข้าไปให้ถูก เพราะเขาไม่เห็นตัวเรา เขาก็ต้องบอกผีโยนมา หรือปาเข้ามา
ไปหาคนโน้นก็ไม่เห็น มาหาคนนี้ก็ ไม่เห็น คิดไปดังนี้แหละจนเผลอตัว
แต่พอรู้สึกตัวขึ้นมา ก็รีบลุกขึ้นจุดธูปอธิษฐานในใจของตัวเองว่า
“ขออย่าให้เราตายเสียก่อน ขอให้บวชเสียก่อนเถิด ถ้าบวชแล้ว
ไม่สึกจนตลอดชีวิต”
ตรงนี้บวชจริงมาเสียแต่อายุ ๑๙ ปีเศษแล้ว ตั้งแต่นั้นก็ประกอบอาชีพ
ตามปกติของพ่อค้า จนอายุครบ ๒๒ โดยปี แล้วก็ปรารภถึงการบวชในปีนั้น
พอถึงเดือน ๔ ข้างขึ้นก็ขนข้าวลงเรือเต็มลำดีแล้ว ก็บอกกับลูกจ้างให้นำเอา
ข้าวไปขายโรงสีในกรุงเทพฯ ส่วนตัวก็เข้าอยู่วัดเป็นเจ้านาค ฝึกหัดเบื้องต้น
แห่งการอุปสมบทในสำนักพระปลัดยัง ผู้เป็นหลวงตาของตัว ซึ่งเป็นน้องคน
เล็กของตาน้อย ผู้เป็นมารดาของตัวเอง ท่านส่งวินัยย่อๆ ให้เป็นหนังสือสมุดข่อย
เขียนตัวบรรจงสวยงามมาก ก็ท่องวิธีขอบรรพชา แลดูวินัยไปด้วยกันทีเดียว
พอจวนเข้าพรรษาก็มีผู้ไปนิมนต์พระอุปัชฌาย์ดี วัดประตูศาล จังหวัด
สุพรรณบุรี มาเป็นอุปัชฌาย์ ก็ได้อุปสมบทในต้นเดือนแปดของ พ.ศ.๒๔๔๙
ได้อยู่จำพรรษาในวัดนั้น รวมอยู่ที่อุปสมบทนั้น ๗ เดือน เศษๆ เท่านั้น
ออกจากวัดที่อุปสมบทนั้นแล้ว ก็ตรงมาอยู่จำพรรษาในวัดพระเชตุ
พนทีเดียว เรียนมูลกัจจายน์ถึงสามจบ แล้วเรียนธรรมบททีปนีและสารสังคหะ
แต่พอเป็นว่าแปลออกพอสมควร แล้วก็หยุด การเรียนคันถธุระอยู่ก็เรียน
วิปัสสนาไปด้วยเหมือนกัน เวลาวันแปดค่ำ สิบห้าค่ำ ก็มักไปแสวงหาครูสอน
ฝ่ายสมถวิปัสสนาอยู่เสมอๆ โดยมาก
แต่ที่เรียนโดยตรงทีเดียว ตั้งแต่บวชใหม่ๆ ก็เรียนแต่อนุสาวนาจารย์
ทีหนึ่ง บวชแล้วรุ่งขึ้นวันที่สอง ก็เรียนที่หลวงพ่อเนียม วัดน้อย จังหวัดสุพรรณ
ที่สามเจ้าคุณสังวรานุวงษ(เอี่ยม) วัดราชสิทธาราม ที่สี่เรียนกับพระครูญาณ