ข้อความต้นฉบับในหน้า
วิสุทธิวาจา 1
33
๑๕
กายในภพ-กายนอกภพ
เพราะฉะนั้นจะต้องเรียนให้รู้จักกายของตัวเสียก่อน ว่ากายมนุษย์นี้
แหละเป็นตัวโดยสมมุติ ๘ กายที่อยู่ในภพนั่นแหละเรียกว่า อตตสมมุติ เรียก
ว่าตัวโดยสมมุติทั้งสิ้น
ส่วนธรรมล่ะ คือธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์น่ะ ก็เรียกว่าธรรมสมมุติ
เหมือนกัน สมมุติชั่วคราวหนึ่ง ไม่ใช่ตัวที่พระองค์ทรงรับสั่งว่า “สพฺเพ ธมฺมา
อนตฺตาติ” ธรรมทั้งสิ้นไม่ใช่ตัว ตัวทั้งสิ้นไม่ใช่ธรรม ตัวก็เป็นตัวซิ ธรรมก็เป็น
ธรรมชิ คนละนัย
มีตัวกับธรรม ๒ อย่างนี้เท่านั้น กายมนุษย์ก็มีตัว กายมนุษย์ก็มีธรรมที่
ทำให้เป็นตัว ตลอดทุกกาย ทั้ง ๑๘ กาย มีตัวกับมีธรรมที่ทำให้เป็นตัว แต่ว่า
ตัวทั้งหลายเหล่านั้น ทั้ง ๔ กายในภพ เป็นอนิจจ์ ทุกข์ อนตฺตา หมดไม่เหลือ
เลย ทั้ง ๑๐ กายนอกภพ เป็น นิจจ์ สุข อตฺตา หมดไม่เหลือเลย ตรงกันข้าม
อย่างนี้เป็น นิจจ์ สุข์ อตฺตา เป็นของที่เที่ยงของจริงหมด แต่ว่าในภพแล้วเป็น
ของไม่เที่ยงไม่จริงหมด
ให้รู้ชัดเสียอย่างนี้ ที่เกิดมาในมนุษย์โลกเป็นภิกษุ เป็นสามเณร เป็น
อุบาสก อุบาสิกา ก็เย็นอกเย็นใจ สบายอกสบายใจ ไม่ถือเลอะเลือนผิดๆ พลาดๆ
ไป ให้รู้จักหลักพระพุทธศาสนาอย่างนี้ ตามความเป็นจริงของทาง มรรค-ผล
ตามความเป็นจริงของกายที่เป็นของในภพนอกภพ ชัดอย่างนี้ละก็ ก็ไม่งมงาย
การหาเลี้ยงชีพ หรือการเป็นอยู่ในหมู่มนุษย์ ก็ไม่สับสนอลหม่านกับใคร ให้แต่
ความสุขกับตนและบุคคลผู้อื่นเป็นเบื้องหน้า
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง “สิ่งที่เป็นเกาะเป็นที่พึ่ง”
๑๓ กันยายน ๒๔๙๖