การละกิเลสในทางภาวนา วิสุทธิวาจา 1 หน้า 25
หน้าที่ 25 / 120

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายถึงการละกิเลสในด้านภาวนา โดยการจัดกลุ่มกายต่างๆ ที่มีการซ้อนกัน ตั้งแต่กายมนุษย์ไปจนถึงกายธรรม และขั้นตอนการหลุดพ้นจากกิเลสที่เกิดขึ้นในแต่ละกาย เช่น อภิชฌา พยาบาท และการเปลี่ยนผ่านไปเป็นพระโสดาบัน และพระสกทาคามี โดยพระองค์เดินสมาบัติเพ่งอริยสัจ ๔ จนสามารถที่จะละกิเลสได้ในแต่ละขั้น

หัวข้อประเด็น

-การละกิเลส
-ภาวนา
-กายทิพย์
-ธรรมกาย
-พระโสดาบัน
-พระสกทาคามี

ข้อความต้นฉบับในหน้า

วิสุทธิวาจา 1 25 ๗ การละกิเลส ว่าในด้านภาวนา กายนี้มีซ้อนกันเป็นชั้นๆ มีกายทิพย์ซ้อนอยู่ในกาย มนุษย์ กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกายทิพย์ กายอรูปพรหมซ้อนอยู่ในกายรูปพรหม กายธรรมซ้อนอยู่ในกายอรูปพรหม คนเราที่ว่าตายนั้นคือ กายทิพย์กับกาย มนุษย์หลุดพรากออกจากกัน เหมือนมะขามกะเทาะล่อนจากเปลือก ฉะนั้น กาย ทิพย์ก็หยุดพรากจากกายมนุษย์ไป การละกิเลสของพระองค์หลุดไปเป็นชั้นๆ ตั้งแต่กิเลสในกายมนุษย์ กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหมเป็นลำดับไป กิเลสในกายมนุษย์ คือ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ กิเลสในกายทิพย์ คือ โลภะ โทสะ โมหะ กิเลสในกายรูปพรหม คือ ราคะ โทสะ โมหะ กิเลสในกายอรูปพรหม คือ กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อวิชชานุสัย ต่อแต่นี้ไปจึงชักเข้าถึงกายหนึ่ง คือกายธรรม หรือเรียกว่า ธรรมกาย เข้าชั้นโคตรภูจิต เรียกว่า โคตรภูบุคคล โคตรภูบุคคลนี้เดินสมาบัติ เพ่งอริยสัจ ๔ เป็นอนุโลมปฏิโลม จนหลุด พ้นจากกิเลสพวกสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส แล้วตกศูนย์วับกลับ เป็นพระโสดาบัน เป็นอันว่าพระโสดาบันละกิเลสได้ ๓ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส แล้วกายโสดาบันนี้เดินสมาบัติเพ่งอริยสัจ ๔ เป็นอนุโลมปฏิโลมต่อ ไปถึงขีดสุด ละกิเลส ได้อีก ๒ คือ กามราคะ พยาบาท ขั้นหยาบ จึงเลื่อนชั้น ขึ้นเป็นพระสกทาคามี กายพระสกทาคามี เดินสมาบัติเพ่งอริยสัจ ๔ ทำนองเดียวกันนั้นต่อ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More