ข้อความต้นฉบับในหน้า
วิสุทธิวาจา 1
99
อดทนต้องมีท่า
อดทนต้องมีท่านะ อดทนเหลวไหล เลอะๆ เทอะๆ ก็ใช้ไม่ได้
อดทนต้องมีท่า
ถ้าอดทนมีท่าจะต้องอดทนอย่างไร เราทำสวนใกล้กันเป็นชาวสวน ทำ
สวนใกล้กัน เขาก็ทำสวน เราก็ทำสวน แต่มันพอๆ กัน เสมอๆ กัน เราก็
อยากให้มันดีกว่าเขานะ ให้เขาแพ้เราให้ได้ อยากได้ดีกว่าเขา ให้เขาแพ้เราให้
ได้ นั่นคือ อภิชฌา อยากจะรุกเจ้าเสียมั่ง อยากจะทอนกำลังเจ้าเสียมั่ง ให้
เรามีสมบัติดีกว่า คุณสมบัติดีกว่า เกิดขึ้นแล้ว
ถ้าว่าจิตขยับขึ้นเช่นนี้ คิดท่านี้ อยากจะให้ดีกว่าเขา นี้เป็นอภิชฌาแล้ว
ทีนี้ก็มีพยาบาทอยู่ทีเดียว มีพยาบาทอยู่แล้ว มีพยาบาท แข่งอยู่แล้ว
แข่งก็ยังสู้ไม่ได้ หาอุบายแล้ว พยาบาท หาอุบาย แก้ไขให้เขาลดกำลังเสียให้
ได้ นี่มีพยาบาทเข้าสนับสนุนแล้ว รักษาไอ้การงานของตัว ที่เรียกว่าอภิชฌา
พยาบาท นั่นแหละให้หายไป คุมไว้เสมอ คุมไว้ นั่นมิจฉาทิฏฐิแท้ๆ
เมื่อทำสวนใกล้กัน ไม่มีพยาบาท อภิชฌาก็ไม่มี พยาบาทไม่มี มิจฉา
ทิฏฐิก็ไม่มี เราอยากเจริญฉันใด ให้เขาเจริญฉันนั้น เรารุ่งเรืองอย่างไรก็ให้
เขารุ่งเรืองอย่างนั้น มีเมตตารักใคร่ ปรารถนาอยากจะให้เขาเป็นสุข กรุณา
อยากจะให้เขาทำงานน้อยๆ ให้ได้ผลมากๆ ให้เขาได้พ้นจากทุกข์ หากเขาได้
ผลมากก็ยินดีเหมือนตัวได้อย่างนี้
ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ชื่อว่าประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา เมื่อเขาถึง
ความวิบัติพลัดพรากอย่างหนึ่งอย่างใด ก็ไม่สมน้ำหน้า ว่าขอให้เขาอย่าวิบัติ
พลัดพรากเลย นึกในใจอยู่อย่างนี้ นี้เรียกว่าพรหมวิหาร
เมื่อตั้งอยู่ในพรหมวิหารเช่นนี้แล้วได้ชื่อว่า ไม่มีอภิชฌา พยาบาท มิจฉา
ทิฏฐิเข้าแทรกแซง ได้ชื่อว่าดำเนินตามร่องรอยของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์แล้ว
แล้วที่ยังมีอภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิอยู่ นั่นดำเนินตามร่องรอยพญามารแล้ว