ข้อความต้นฉบับในหน้า
12
วิสุทธิวาจา 1
อุโบสถแต่เวลาเย็น ตั้งสัจจาธิษฐานแน่นอนลงไปว่า ถ้าเรานั่งลงไปครั้งนี้ไม่
เห็นธรรม ที่พระพุทธเจ้าต้องการ เป็นอันไม่ลุกจากที่นี้จนหมดชีวิต
เมื่อตั้งจิตมั่นลงไปแล้ว ก็เริ่มปรารถนั่ง จึงได้แสดงความอ้อนวอนแด่
พระพุทธเจ้าว่า
“ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดข้าพระพุทธเจ้า ทรงประทาน
ธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้อย่างน้อยที่สุด แลง่ายที่สุด ที่พระองค์ได้
ทรงรู้แล้วแก่ข้าพระพุทธเจ้า
ถ้าข้าพระพุทธเจ้ารู้ธรรมของพระองค์แล้ว จักเป็นโทษแก่ศาสนา
ของพระองค์แล้ว ขอพระองค์อย่าทรงประทานเลย ถ้าเป็นคุณแก่ศาสนา
ของพระองค์ ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดประทานแก่ข้าพระองค์
ข้าพระองค์ขอรับเป็นทนายศาสนา ในศาสนาของพระองค์จนตลอดชีวิต”
แต่พออ้อนวอนเสร็จแล้ว ก็เริ่มปรารภเข้าที่นั่งสมาธิต่อไป มานึกถึง
มดลี่ ที่ตามช่องของแผ่นหินที่ยาวๆ แลบนแผ่นหินบ้าง ไต่ไป มาอยู่บ้าง แต่
ไม่มากนัก จึงหยิบเอาขวดน้ำมันก๊าดมา เอานิ้วจุกเข้าที่ปากขวด แล้วตะแคง
ขวดให้เปียกนิ้วเข้า แล้วเอามาลากเป็นทางให้รอบตัว จะได้กันไม่ให้มาทำ
อันตรายในเวลานั่งลงไปแล้ว แต่พอทางนิ้ว ที่เปียกน้ำมันนั้นไม่ทันถึงครึ่งของ
วงตัวที่นั่ง ความคิดอันหนึ่งเกิดขึ้นว่า
“ชีวิตสละได้ แต่ทำไมยังกลัวมดที่อยู่เล่า” ก็นึกอายตัวเองขึ้นมา เลย
วางขวดน้ำมัน แล้วนั่งเข้าที่เลยในเดี๋ยวนั้น ประมาณครึ่งหรือค่อนคืน ไม่มี
นาฬิกา ไม่แน่ ก็เห็นผังของจริงของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีอยู่ในหนังสือ “ธรรมกาย”
ที่คุณพระทิพย์ปริญญาเรียบเรียงพิมพ์แจกไปแล้วนั้น
ในขณะนั้นก็มาปริวิตกว่า “คัมภีร์โรจายังธรรมเป็นของลึกถึงเพียงนี้ ใคร
จะไปคิดคาดคะเนเอาได้ พ้นวิสัยของความตรึก นึกคิดอยู่ก็เข้าไม่ถึง ที่เข้าถึง
ต้องทำให้รู้ตรึก รู้สึก รู้คิดนั้น หยุดเป็นจุดเดียวกัน แต่พอหยุดก็ดับ แต่พอดับ
แล้วก็เกิด ถ้าไม่ดับแล้วไม่เกิด ตรองดูเถิดท่านทั้งหลาย นี้เป็นของจริง
หัวต่อมีเป็นอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ถูกส่วนดังนี้ ก็ไม่มีไม่เป็นเด็ดขาด”