ข้อความต้นฉบับในหน้า
ระลึกถึง “พระพุทธองค์” นี้ จึงทำให้สามารถ “เห็นพระพุทธองค์” ได้ ถึงแม้ท่านจะเป็นพระอรหันต์แล้วก็ตาม ยังเจริญภาวนาด้วยวิธีการแบบนี้อยู่เช่นเดิม หรือแม่ในกรณีของพระสงกาลมานตาเลิ่ ก็มีความที่ปรากฏชัดในคุณสมบัติ ของท่าน กล่าวคือ พระเทวดำรงอยู่ (vihārāmi) ในการ “เห็นพระพุทธองค์” ในสมาธิ ตลอดเวลามักระทั่งบรรจุอรหัตผลแล้วก็ ตาม โดยการเจริญภาวนา “พุทธานุสติ” แบบตามศีรธาริฬึ ถึง “พระพุทธองค์” เพราะคุณสมบัติน้องทำให้ได้รับการยกย่องว่า เป็นเลิศทางด้านศรัทธามุดตะ
จากข้างต้น เราจะทำความเข้าใจง่ายๆในการสอนเรื่อง “เจริญ” และการ “เห็นรูป” เป็นคำสอนที่ชัดแจ้งกันเอง หรือว่า มีความสงสอดคล้องกัน? ถ้าพิจารณาจากพระปิ๋งคี้และพระรังกี้ การจะหมายถึง การไม่ ไปยึดติดกับรูป ซึ่งหมายถึง ร่างกายของมนุษย์นี้มีเนื้อหนังมังสังมีความเน่าเปื่อย มีความเสื่อมไป การยึดติดกับร่างกายมนุษย์นี้อาจจะทำให้ละเลยกับการเจริญภาวนา เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำสำหรับผู้แสวงหา ความสุขสุดพ้น เหมือนกับที่พระพุทธองค์ทรงสอน พระรังกี้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้านับรู้นั้นเป็นที่ตั้งในการเจริญภาวนา โดยเอา ดวงใจมาเกี่ยวให้มีสมาธิ เช่น ในกรณีของทั่งสามท่านนี้ นำรัฐพระพุทธองค์มา เป็นที่ตั้งในการเจริญภาวนา และปฏิบัติภาวนาให้ถูกต้องตามวิธีที่พระพุทธองค์ ตรัสสอน ผลคือจะสามารถ “เห็นรูป” หมายถึง “เห็นพระพุทธองค์ในสมาธิ” และ ยิงไปว่าขั้นเมื่อพิจารณาในกรณีของพระปิ๋งจะพบว่า ไม่เพียงแต่เห็นเท่านั้น ใจของ ผู้เจริญภาวนาได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธองค์ในสมาธิด้วย และการดำรงอยู่ใน การเห็นพระพุทธองค์ในการเจริญภาวนาอย่างในกรณีของพระสงกาลมานตาเลิ พระพุทธองค์ก็ทรงสรรเสริญ