ข้อความต้นฉบับในหน้า
เฮอรรถ 67 (ต่อ)
param puññasambhārajja uttamanīla-akkhivantaṃ sabbasubhākiṇṇaṃ
sabbeṇa subhena vaṇṇena saṅṭhānena "ækiṇṇam" gahaniṃ
4954-6). nilakkinayaṇaṃ varaṃ puññasambhāraṃ uttamanīla-akkhivantaṃ.
sabbasubhākiṇṇaṃ sabbeṇa subhena vaṇṇena saṅṭhānena "ækiṇṇam" gahāñi
bhūtaṃ (ข.อบ.๒ 2/2692-3 เมตร).
ประเด็นที่น่าสนใจคือ จะเปล sabbasubhākkiṇṇam ว่าอย่างไร คำนั้นอยู่ใน
พระรัตนตรปทึ่งคำพูดที่คล้ายกับพระสิงคาลมตกแตร์ แต่การเปลคํานั้นในทัง
สองที่ กล่าวคือ พระรัตนตรปทั่นและพระสิงคาลมตกแรปนในฉบับไทยแปล
ไม่เหมือนกัน
sabbasubhākiṇṇaṃ ที่อยู่ในพระรัตนตรปทาน
มจร: มีผิวพรรณสีผิวชมพูงาม (ข.อบ. 33/52/244 แปล.เมจร)
มจร.2537: เขลื่อนกลิ่นไปด้วยอรรถสัญลักษณ์เนืองเดิม (ข.อบ. 72/122/222
แปล.มจร.2537)
มจร.2555: มีความงามพร้อมทุกอย่าง (ข.อบ. 72/122/230 แปล.มจร.2555)
sabbasubhākiṇṇaṃ ที่อยู่ในพระสิงคาลมตกแรปน
มจร: พรั่งพร้อมด้วยความงามทุกอย่าง (ข.อบ. 33/103/533 แปล.มจร)
มจร.2537: มีพระลักษณะงามทั่วไป (ข.อบ. 72/174/680 แปล.มจร.2537; ในฉบับ
แปล.มจร.2555 ก็แปลเหมือนกันฉบับแปล มจร.2537)
ผู้วิจัยสันนิษฐานว่า อรรถกถาได้อธิบายความเฉพาะส่วนของพระรัตนตรปทาน
เท่านั้น จึงทำให้การแปลพระรัตนตรปทานเป็นดังที่เห็นข้างต้น แต่ในส่วนของ
พระสิงคาลมตกาแรปนได้มีการอธิบายอยู่ในอรรถกถา ดังนั้นจึงทำให้การแปลอยู่
ในรูปแบบที่ไม่มีการพิจารณอรรถกถา
คำว่า ækiṇṇam ใน sabbasubhākiṇṇaṃ = "มีลักษณะงามทั่วไป" ของ มจร
ที่ไม่มีอรรถอาอธิบายในคาถาของพระสิงคาลมตกาแรปนั่น ผู้วิจัยสันนิษฐานว่า
มาจาก a+kiṇṇam[-ta ปิยั] (pp.) ของ kirati /ki:r/ ซึ่งคำอุปสราะ ในที่นี้อาจจะ
แปลว่า ทั่วไป จากการแปลนี้ทำให้ผู้วิเคราะห์ใส่คำว่า subhakkiṇa (subha-kiṇṇa)
หรือ subhakinha ที่เป็นชื่อ “รูปพรรษ” ซึ่งในฉบับ 9 ซึ่งในฉบับนาดามา มจร-ไทย ที่
รวบรวมโดย พันตรี ป.หลวงสมญา ให้ความหมายคำว่า subhakinha ว่า “ผู้มีรัศมี
สวยงามตลอดทั่วไปทั้งร่างกาย” ตรงกับคำศัพท์ในภาษาบาลีภาษาสันสกฤต คือ subhakṛtsna
(尊淳) ซึ่งคำว่า kṛtsna ตรงกับคำว่า kasina ในบาลีที่แปลว่า ทั้งหมด ทั้งสิ้น ล้วนกัน
(ต่อหน้าถัดไป)