การเห็นพระพุทธองค์ในบริบททางประวัติศาสตร์ “พุทธานุสติ” และ “การเห็นพระ”: ศึกษากรณีของ พระปิงคิยะ พระสิงคาลมาตาเถรี พระ วักกลิ หน้า 41
หน้าที่ 41 / 57

สรุปเนื้อหา

บทความนี้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการไปเฝ้าพระพุทธองค์ที่มีความซับซ้อนในบริบททางประวัติศาสตร์ โดยเน้นถึงระดับชั้นของการเห็นพระพุทธองค์จากมุมมองทางประวัติศาสตร์และกรรมฐาน รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการปฏิบัติกรรมฐานในรูปแบบต่างๆ ที่ทำให้สามารถ "เห็นพระพุทธองค์" ได้ และความแตกต่างระหว่างการมองผ่านทางกายเนื้อและมองผ่านทางจิตใจ.

หัวข้อประเด็น

-การเห็นพระพุทธองค์
-กรรมฐาน
-ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
-การปฏิบัติทางจิตใจ
-ความสัมพันธ์ทางจิตของพระองค์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ถ้ ไปด้วยกายของพระองค์ที่เป็นบุคลากรทางประวัติศาสตร์ จะทำให้ เกิดคำถามต่อไป คือ ท่านสามารถไปเฝ้าพระพุทธองค์ได้ตลอด เวลา หรือเปล่า? เราจะพบว่า การไปเฝ้าพระองค์ท่านตลอดเวลาด้วยตัวพระองค์เอง ที่เป็นบุคลากรทางประวัติศาสตร์ ดูไม่สมเหตุสมผล เพราะการไปเฝ้าพระพุทธองค์ตลอดเวลานั้นเป็นสิ่งที่แปลกไม่เคยได้ เมื่อเทียบเคียงกับบริบทของพระจิ้งคีเดที่ท้ายนี้มีความซับซ้อนสามารถ "เห็นพระพุทธองค์" ได้ โดยวิธีการปฏิบัติตามแบบนี้ และ เมื่อพิจารณาประกอบกับบริบทว่า "เห็นพระพุทธองค์" ของพระจิ้งคีเด ซึ่งกล่าวข้างต้นว่าทำเป็นพระอนาคามิ ทำให้ว่า "การเห็นพระพุทธองค์" คล้ายกับมีระดับชั้นในการเห็น 4. เมื่อปฏิบัติกรรมฐานแบบรัศมีถึง "พระพุทธองค์" ด้วยการปฏิบัติacionนั้นทำให้พระกสิ "เห็นพระพุทธองค์" และพระกสิดำรงอยู่ (viharāmi) ในการนี้นี้ โดยดูรูปของพระพุทธองค์อย่างไม่รู่เบื่อ เป็นที่ผลิตผลิเน้นยัด ซึ่งในการนี้นี้ไม่ได้หมายถึง ดวงตาของมนุษย์ที่มองกายที่มีเนื้อหนังมัดสาอย่างแน่นอน เพราะว่าพระพุทธองค์ไม่ทรงสรรเสริญ เนื่องจากกายของมนุษย์นั้นมีความเห็นเป็นอ่อน (ดูกรณีพระวักกลิปกอปอปน 6.3) ซึ่งในกรณีของพระเรืองก็จะเหมือนกับกรณีของพระจิ้งคีเดที่กล่าวว่า เห็นท่านด้วยใจเหมือนเห็นด้วยตา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More