ข้อความต้นฉบับในหน้า
รุ่นหนึ่งประมาณ
mo
- ๕๐ คน แต่เวลาผ่านไปคนก็ค่อย ก็ร่อยหรอลงไป
ผลสุดท้ายเหลือเพียงแค่คนสองคน
ตรงนี้เอง ทำให้หลวงพ่อได้ข้อคิดว่า
การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมีโอกาสได้รับความเมตตาจากกัลยาณมิตร
ที่มีความรู้ความสามารถ แล้วนำมาฝึกตนให้คุณธรรมเกิดความเจริญงอกงามได้นั้น
เขาจะต้องประกอบด้วย
บุญ ๓ ระดับ คือ
๑. คน ๆ นั้นจะต้องมีบุญที่ได้มาเจอกัลยาณมิตร
๒. เมื่อได้รับคำเตือนจากกัลยาณมิตรแล้ว ตัวเองต้องมีบุญพอจะรองรับ
คำเตือนของท่านได้ตลอดรอดฝั่ง
๓.
เมื่อรองรับคำเตือนได้แล้ว ยังต้องมีบุญได้รับใช้ผู้ที่เป็นกัลยาณมิตร
เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณกันด้วย
ได้ไหม
บุญ ๓ ระดั
ระดับนี้แต่ละคนมีไม่เท่ากัน
บุญที่มาเจอกัลยาณมิตรนั่นพวกหนึ่ง เจอแล้วจะรองรับบุญของท่าน
บางพวกรับได้ แต่ว่าต้องต่างคนต่างอยู่ ไม่สามารถจะทำงานร่วมกันได้
บางพวกเมื่อได้รับคำเตือนแล้วอยู่ร่วมทำงานได้ มีโอกาสตอบแทนพระ
คุณท่าน และยังตั้งเป้าหมายที่จะไปสร้างบารมีเคียงบ่าเคียงไหล่กันต่อไปอีกด้วย
สร้างบารมีได้ตลอดรอดฝั่ง พบอะไรแล้วอย่าปล่อยผ่าน
มีสิ่งหนึ่งที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่หลวงพ่ออยากจะเล่าให้ฟัง มีคำอยู่คำหนึ่ง
เกิดขึ้นมา คือ คำว่า “สร้างบารมีได้ตลอดรอดฝั่ง”
พระเทวทัต
บางคนสร้างบารมีได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง แหกคอกออกไปเลย อย่างเช่น
พระสุทิน สร้างบารมีได้ตลอด แต่กระร่องกระแร่ง มีแผลใจจนกระทั่ง
ลาโลกไป เพราะท่านเป็นต้นบัญญัติปาราชิกเรื่องไปเสพเมถุนกับภรรยาเก่าของ
ตัวเอง