ข้อความต้นฉบับในหน้า
พ่ออยากจะขอฝากหลักคิดไว้เช่นกันว่า ศึกษาธรรมะอะไรก็ตาม ลูกต้องย้อน
มาดูตัว
ที่หลวงพ่อถามว่า “พวกเรามาอยู่วัดกี่ปี ?” ไม่รู้ว่าพวกเราเฉลียวใจ
อะไรกันบ้าง
๑๐
บางรูปตอบว่าอยู่วัดมา ๕ ปี, 5 ปี, 6 ปี, ๙ ปี, ปี บ้าง ต่างก็มี
ความแตกต่างกัน ทั้ง ๆ ที่ เวลาที่อยู่วัดใกล้เคียงกัน แต่ลูกบางรูปได้ ป.ธ. ๔
ป.ธ. ๓ ป.ธ. ๗ ป.ธ. ๕ ป.ธ. ๖ นี้คือความแตกต่าง
ที่หลวงพ่อยกเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ต้องการจะให้เป็นปมเด่นหรือปมด้อยของ
ใคร แต่ต้องการจะสะกิดใจเพียงคำเดียวว่า “ไม่แน่”
เพื่อนรุ่นเดียวกับหลวงพ่อกอดคอกันมาตั้งแต่เรียนหนังสือ จนกระทั่งได้
รับความเมตตาจากหลวงพ่อธัมมชโยที่ช่วยเป็นกัลยาณมิตรให้ แล้วก็ได้มาบวชด้วย
กัน สร้างวัดด้วยกัน เป็นเวลาอยู่ ๗ - ๘ ปี แล้วก็ยังไปบุกเบิกเผยแผ่ที่ประเทศ
สหรัฐอเมริกาถึง ๒๐ พรรษา แต่พอเจอหน้าอีกทีหนึ่ง สึกออกไปแล้ว
เราประมาทไม่ได้ บางรูปได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค แล้วมาเป็น
กำลังของพระพุทธศาสนา บางรูปไม่ได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค แต่ก็เป็นกำลัง
สำคัญเช่นกัน
เพราะฉะนั้น ในขณะที่ตอนมาเรามาพร้อม ๆ กัน แต่วันนี้บางรูปได้
เปรียญธรรม ๙ ประโยค ขณะที่บางรูปได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ก็ขอให้ข้อ
คิดว่า ใครก็ประมาทใครไม่ได้ เราไม่รู้เส้นทาง ยังต้องไปอีกไกล
ผู้ที่ได้เปรียญธรรม ๙ ประโยคก็อย่าทะนงตน ส่วนรูปที่ได้เปรียญธรรม
๓ ประโยค ก็อย่าคิดว่าเป็นปมด้อย เราต้องเดินหน้าต่อไป ของอย่างนี้ไม่แน่
อยู่ที่ความไม่ประมาทของตัวเรา
เพราะฉะนั้น สิ่งที่หลวงพ่ออยากจะบอกในขั้นต้น คือ สามเณรเป็นผู้
ได้โอกาสไม่ใช่ผู้ด้อยโอกาส เพราะมาบวชจึงไม่ต้องก่อเวรตั้งแต่เล็ก นับว่ามีโชค