ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อางหิวขนมขึ้นหนึ่งจากกระเช้า ขนมทั้งหมดติดเนื่องเป็นอัศจรรย์ นางจึงกล่าวเศร้าจริง "นายขนมทั้งหมดติดเนื่องเป็นอัศจรรย์" เสียแล้ว ดิฉันไม่สามารถทำให้แยกกันได้" แมเว็บเขากล่าวว่า "ฉันจัดทำเอง" แล้วก็ไม่อาจทำได้. ถึงทั้งสองคน จับที่รีม (แม่ขนม) แม้จึงออกอยู่ ก็ไม่อาจให้แยกออกจากกันได้เลย. ครับเมื่อเศรษฐีนั้นปล่อยอยู่ขนม (เพื่อจะให้แยกกัน), เหตุอีไหลออกจากสรีระแล้ว, ความหวีกระหยี่หายไป.
ดังนั้นนั้น เขากล่าวว่ะธรรยาว่า "นางผู้เจริญ ฉันไม่มีความต้องการขนมแล้ว, เธอจงให้แกสมะเถิด." นางจงกระเซ้าแล้วเข้าไปหาพระ id ยะ พระธรแสดงธรรมแก่คนแม้นทั้งสอง, กล่าวคุณพระรัตนตรัย, แสดงผลทนที่บุคคลให้แล้วเป็นอานา ให้เป็นดังพระจันทรในพื้นท้องฟัวว่า "ทานที่บุคคลให้แล้ว ย่อมมีผล, ยิ่งทบุคคลญา ย่อมมีผล." เศรษฐีฟังธรรมนันแล้วมีจิตเตือนใจ กล่าววา "ทานผู้เจริญ ทานจงมามันบนบังสังก์นี้ติด."
พระธรนำเศรษฐีและภรรยาไปฝ่าพระศาสดา
พระธรกล่าวว่า "มาหาเศรฐู พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรัทนั่งในวิหารกับภิกษุ ๕๐๐ รูป" ด้วยตั้งพระหฤทัยว่า "จักเสวยขนม, เมื่อท่านมีความชอบใจ. เศรฐู ท่านจงให้ภรรยาถือเอาขนมและวัตถุดอื่นมีน้ำมันเป็นต้น, พวกเราจักไปสำนึกของพระศาสดา."
เศรฐู ก็ปดิ์น พระศาสดาประทับอยู่ ณ ที่ไหนเล่า? ขอรับ. พระศาสด. ประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ในที่สุดแห่งที่ ๔๔ โยชน์จากที่นี่เศรฐู.
เศรฐู. ท่านผู้เจริญ พวกเราจักไปสิ้นหนทางไกลมีประมาณเท่านี้จะไม่ล่วงเลยเวลออย่างไร? พระศร ษ. มหาเศรฐูเมื่อท่านมีความชอบใจ, เราจักนำท่านทั้งสองไปด้วยคำสั่งของตน. หัวบันไดปราศจากของท่านจึงเป็นที่ของตนนี้เอง, แดรงั้นได้จากมีซุ้มประตูพระเชตุวัน, เราจำไปสู่พระเชตุวัน โดยกล่าช้าจากปราศจากนบนไปยังชั้นล่าง.
เล่าเรื่องเศรษฐู ๑๑