พุทธระบกาลและเศรษฐีในทมิฬนคร : หน้า 44/96

ในพุทธระบกาลนี้ บังเกิดในสกุลเศรษฐีในทมิฬนคร. แม้รรยาของเขาบังเกิดในสกุลมีโภมาก เจริญวัยแล้ว ก็ได้ไปสู่เรือนของท่านเศรษฐีนันนั้นเอง. เพราะทั้งหลายมีประการดังกล่าวแล้ว อาศิยกรรมในกาลก่อนของเศรษฐีนันต์ขึ้นแล้วที่ภายหลังเรือน, แม้บุตรได้เป็นบุตรของท่านเหล่านั้นแหละ, หญิงละได้ก็ได้เป็นหญิงละได้เหมือนกัน, ทาสก็ได้เป็นทาสเทียว. ต่อวันที่หนึ่ง ท่านเศรษฐีใครจะทดลองบูชาของชนที่เหลือ ก็กล่าวกะภรรยาสและบุตรเป็นต้นว่า “เธอทั้งหลายจงทดลองบูชามาแล้ว” คำของพวกอย่าก็ ลำดับนั้น ภรรยาของเศรษฐีนันประดับแล้วด้วยเครื่องอังตรางทั้งปวงเมื่อมหาชนกำลังดูอยู่นันแหละ ให้คนตวงข้าวสารทั้งหลาย ให้หญิงข้าวสวยด้วยข้าวสารเหล่านั้น นั่งบนอาสนะอันเขาปลูกแล้วชุมประตูถือทัพพีทองคำแล้วให้ป่าวร้องว่า “ผู้มีความต้องการด้วยก็มา” แล้วให้บูชเต็มกะนะที่ชนผู้มาแล้วรับเอา. เมื่อบางนั่นให้อุ้มแม่งหมวดวัน ก็ปรากฏภูษาเฉพาะตรงที่ติดด้วยทัพพีเท่านั้น. ก็ไปมลักษณะเกิดเต็มฝ่ามือข้างซ้าย จนทรลักษณะเกิดเต็มฝ่ามือข้างขวาเพราะนางจับหม้อข้าวด้วยมือซ้าย จับทัพพีด้วยมือขวา แล้วกลายติอนเต็มบาตรของภิญญสูงม่ แม้ของพระพุทธเจ้าในปางก่อนทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้แล. ก็เพราะเหตุที่นางถือเอามรกตกรองน้ำถวาย, ก็ภิญญสูงม่ เที่ยวไปๆ มา จนนัน จนทรลักษณะจึงเกิดเต็มฝ่ามือข้างนงนาง, ปทุมลักษณะจึงเกิดจนเต็มฝ่ามือเขย่าของนางนั้น. เพราะเหตุนี้ ญาติทั้งหมดจึงง บานนานางว่า“จันทปุม” แม้บุตรของเศรษฐีนันสนานศรียะแล้ว ถือเอาถุงหาถะแผนหนึ่งกล่าวว่า “ผู้มีความต้องการด้วยกาทบปลนและหลายองค์มา” แล้วได้ให้อ่านเติมภาชนะที่ชนผู้มาแล้วรับเอา. กาหาปะพันหนึ่งก็กมืออยู่ในกนั้นเอง.