ข้อความต้นฉบับในหน้า
แม้ทาสของเศรษฐีนี้ก็ถวายส่วนของตนแก่พระปิจเจกพุทธเจ้าแล้ว ก็ถึงความปรารถนาว่า “อันเดิมแต่เดือนนี้ไป ข้าพเจ้าไม่พึงพบเห็นอัตตภัยเห็นปานนี้ คนเหล่านี้ทั้งหมดจงเป็นนายและเมื่่อข้าพเจ้าใดอยู่รวย ๗๙๙ ประมาณเท่าเรือโกศล คือ “บ้างนี้ ๓ ร้อย บ้างโน่น ร้อย ในท่ามกลาง ๑ ร้อยจงเป็นไป.” นายปุณณะนั่นปรารถนาตำแหน่งเสนาบดีสามารถจะได้ในวันนั้นเทียว. แต่ว่า ด้วยความรักในนายทั้งหลาย เขาจึงตั้งความปรารถนาว่า “คนเหล่านี้นั้นแหล่งเป็นนายของข้าพเจ้า.” ในที่สุดแห่งถ้อยคำของชนทั้งหมด พระปิจเจกพุทธเจ้า กล่าวว่าว่า “จงเป็นอย่างนั้นเกิด” แล้วกระทำอนุโมทนาด้วยคาถาของพระปิจเจกพุทธเจ้า แล้วคิดว่า “เรืองจิตของชนทั้งหลายเหล่านี้ให้อิ่มใส ย่อมควร” จึงอธิษฐานว่า “ชนเหล่านี้จงเห็นเรานั้นถึงภูเขาคันธมาศ” ดังนี้แล้วก็เลขไป. แม้นชนเหล่านั้นได้ยืนแลดูอยู่เทียว. พระปิจเจกพุทธเจ้านั้นไปแล้วแบ่งภักษนันด้วยพระปิจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ ด้วยอภินิหารแห่งพระปิจเจกพุทธเจ้านั้น ภันนั้นเพียงพอแล้วก็พระปิจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด ชนแม่เหล่านี้ได้ยืนแลดูอยู่เทียว.
อานิสงส์ของการถวายทาน
ก็เมื่อเวลาเที่ยงล่วงไปแล้ว ภรรยาศรีจึงล้มมือข้างแล้วปิดตั้งไว้. ฝ่ายเศรษฐีจิตความหิวบันแล้ว นอนแล้วหลับไป. ศรีจึงนั่งตื่นขึ้นในเวลานั้นในเวลาเย็นกล่าวภรรยาว่า “นางผู้จริวฉันหัวเหลือกินข้าวดัง” กันหมดอยู่บ้างไหมหนอ?’ ภรรยานั้น แมทราบความที่ตนลั้งหมอด้งไว้แล้ว ก็ไม่กล่าวว่า “ไม่มี” คิดว่า “เราเปิดหม้อข้าวแล้วจึงจะบอก” ดังนี้แล้ว จึงลูกขึ้นไปสู่ว่าใกล้หม้อข้าวแล้วเปิดหม้อข้าว. ในขณะนั้นเอง หม้อข้าวเต็มด้วยภัตมึสีเช่นกับดอกมะลิร่ม ได้คุณฝาะมีตั้งอยู่แล้ว. ภรรยานั้นเห็นภัตนันแล้ว เป็นผู้มีสัตย์บริสุทธิ์ถูกต้องแล้ว
*เมล็ดข้าวอันไฟไหม้ทั้งหลาย.