ข้อความต้นฉบับในหน้า
เศรษฐีถอดแผ่นพระปัจเจกพุทธเจ้า
ในขณะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าของหนึ่งที่ปกเขาค้นพบมากนอกออกจาก
สมบัติ ทราบว่า ในภายในสมบัติความอ่อนนิ่มไม่เนียบลงเพราะผลแห่ง
สมบัติ แต่ว่า เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายออกจากสมบัติแล้ว ความรู้
มีคำล่วงเกิดขึ้น เป็นราว่าพื้นท้องอยู่ เพราะฉะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นตรวจดูฐานะที่จะได้ (อาหาร) แล้ว จึงไป
ถึงในวันนี้ ชนทั้งหลายถอยถอนแก้วพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านนั้นแล้ว
ย้อนเข้า สมบัติ บรรดาสมบัติหมื่นตำแหน่งสนามดีเป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง
เพราะฉะนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้ามันตรวจดูอยู่ด้วยทิพยบญญัติ คำว่า
นาทุกภภัยก็ขึ้นแล้วในหมู่ทิวทัศน์ทั้งสิ้นและในเรือนเศรษฐี เขาหญิงข้าวสุก
อันสำเร็จด้วยข้าวสาระนานหนึ่งเท่านั้นเพื่อคน 5 คน ; ชนเหล่านี้ก็
มีศรทธาหรืออาจเพื่อจะทำการสงเคราะห์แก่เราหรือหนอเเดล? เห็นความ
ที่ชนเหล่านั้นเป็นผู้มีศรทธาทั้งสามารถเพื่อจะทำการสงเคราะห์ จึงอ้อมาต
จารไปแสดงตนอยู่ที่ประตู (เรือน) หน้าเมืองของเศรษฐี
เศรษฐีนี้น พอเห็นท่านเบิกจิตใจล่วนไส คิดว่า "เราประสาทกภัย
เห็นปานนี้ เพราะความที่เราไม่ให้นานแม้ในกาลก่อน ก็เลยตื่นขึ้นมา
ไว้อีกวันเดียวเท่านั้น ส่วนภตก็เราถวายแล้วแกะพระผู้เป็นเจ้า จันทร์ปร
โยชน์ก็อุตลามเกาะเราหลายโกฏิ" แล้วนำถวายต้นนั้นออกมา เข้าไปหา
พระปัจเจกพุทธเจ้า ให้ด้วยเบญจาจากประดิษฐ์ มนิมิตให้เข้าไปสู่เรือน
เมื่อท่านนั่งบนอาสนะแล้ว จึงล้างเท้า (ของท่าน) วาง (ถาดก้อ) ไวบน
ตั้งทอง แล้วถือเอาถาดนั้น มาตกลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า
เมื่อมือแต่ออกหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าเอามือถือบาตรเสย
ที่นั่น เศษฐีจึงกล่าวกะพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นว่า "ข้าแต่ท่านผู้จริญ
นี้เป็นส่วนหนึ่งแห่งข่าวสุดที่เขาหุ่มไว้เพื่อคน 5 คน ด้วยข่าวสาระนานหนึ่ง
กระผมไม่อาจเพื่อจะแบ่งภัตนี้ให้เป็น 2 ส่วน ขอบท่านจงอย่ากระทําการ
สงเคราะห์แก่กระผมในโลกลนี้เลย กระผมใคร่จะถอยไม่ให้มีส่วนเหลือ"
แล้วได้ถวายภัตทั้งหมดหมด