ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ยังได้ให้หลักในการสังเกตความพอดีไว้ว่า
สังเกตจากความพึงพอใจว่า ถ้าเรากำหนดนิมิตขนาดนี้ บริกรรมนิมิตขนาดนี้ เราภาวนา
สัมมา อะระหัง อย่างนี้แล้วรู้สึกสบาย มีความพึงพอใจ มีความรู้สึกสบาย แม้นิมิตนั้นจะยังไม่ชัดก็ตาม กำหนด
ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ที่กลางความใส พร้อมกับภาวนาในใจไปเรื่อยๆ ภาวนาไปเรื่อยๆ โดยไม่กำหนด
ว่าร้อยครั้งจะเอาให้เห็น พันครั้ง หมื่นครั้ง แสนครั้งจะต้องให้เห็น ไม่ต้องไปคิดอย่างนั้นภาวนาไป
สัมมา อะระหังไป ใจก็ค่อยๆ ประคองนิมิตไป เห็นไม่ชัด นึกไม่ออก ก็ไม่เป็นไร ให้ใจนิ่งเฉยๆ ให้ใจนิ่งๆ
แล้วก็ภาวนาไป สัมมา อะระหังๆ กันไปอย่างนี้”
และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ก็ได้อธิบายผลที่เกิดขึ้นจากความพอดีไว้ว่า
“พอถูกส่วนเข้าเดี่ยวแสงสว่างก็เกิดขึ้นเองเป็นแสงที่นวลเย็นตาเย็นใจเกิดขึ้นมาเหมือนดวงอาทิตย์
ที่ผุดขึ้นมาจากขอบฟ้า ขจัดความมืดทำให้อากาศสว่าง ตั้งแต่ความสว่างเหมือนฟ้าสางๆ แล้วก็สว่างเพิ่มขึ้น
เหมือนดวงอาทิตย์ตอน 6 โมงเช้า แสงจากดวงอาทิตย์ตอน 6 โมงเช้า 7 โมง 8 โมง ความสว่างค่อยๆ
เพิ่มขึ้นเรื่อยไป ยิ่งใจเราหยุดนิ่งได้นาน หยุดนิ่งอย่างสบายๆ ต่อไปโดยไม่ต้องคิดอะไร ความสว่างก็จะเพิ่มพูน
จนกระทั่งไปถึงดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ความสว่างเหมือนกลางวันอย่างนี้ ยิ่งเราทำใจให้หยุดให้นิ่ง ให้เฉยๆ
เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดอะไร ทำนิ่งเฉยๆ เดี๋ยวความสว่างก็จะยิ่งไปกว่านั้นอีก ยิ่งกว่าตอนเที่ยงวัน
เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับการหยุดการนิ่ง เมื่อเราหยุดนิ่งต่อไปอย่างสบายๆ ในกลางความสว่างนั้น
เดี๋ยวเราจะเห็นจุดสว่างเล็กๆ เล็กเหมือนดวงดาวในอากาศที่เราเคยมองเห็นในตอนกลางคืน จะเห็นริบๆ ไกลๆ
เล็กๆ เล็กเหมือนปลายเข็ม เป็นจุดสว่าง
ถ้าเรานิ่งเฉยๆ เบาๆ สบายๆ โดยไม่ไปบังคับที่จะให้มันชัดเจนเพิ่มขึ้น เหมือนเราลืมตาดูบนท้องฟ้า
ในยามราตรี เราก็มองดูดวงดาวเฉยๆ ไม่มีความคิดว่าจะให้ดวงดาวเข้ามาใกล้เรา ไม่มีความคิดว่าให้
ดวงดาวใหญ่กว่านั้น ไม่มีความคิดว่าให้ดวงดาวสว่างกว่านั้น เราเป็นแต่เพียงมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า
ด้วยใจที่ปกติธรรมดา ดูเฉยๆ จุดสว่างในกลางกายก็เช่นเดียวกัน ที่จุดเล็กเหมือนปลายเข็ม คล้ายกับดวงดาว
ในอากาศ พอเรามองไปอย่างธรรมดา สบายๆ เนี่ย ไม่นึกไม่คิดอะไร ในทำนองเดียวกันกับที่ดูดวงดาว
บนท้องฟ้า จุดสว่างนั้นก็จะค่อยๆ ขยายเพิ่มขึ้นเอง เข้ามาใกล้เราจนกระทั่งเราดูว่าโตขึ้น และก็โตขึ้นไปเรื่อยๆ
โตขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ เมื่อเรายิ่งนิ่งหนักเข้าก็โตเหมือนดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันดวงนี้แหละเรียกว่า
ดวงธรรมเบื้องต้น หรือบางครั้งเรียกว่าดวงปฐมมรรค
พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนีท่านก็ย้ำเสมอๆ ว่า “ประกอบเหตุ สังเกตผล ทนเอาเถิด
ประเสริฐนัก” ประกอบเหตุ คือ ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง อย่างนี้ แค่นี้เท่านั้น แล้วพอหมดรอบก็สังเกตดูว่า
เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าดี แต่ดียังไม่ได้ดังใจ ก็ทนเอง ก็ทนฝึกกันต่อไป ทนอย่างนี้ นับว่าเป็นสิ่งประเสริฐ
ในเรื่องของการสังเกตเพื่อดูการนั่งแต่ละครั้งว่าประสบความสำเร็จเพียงใด และเราเข้าใกล้ฝั่งแห่ง
ใจหยุดนิ่งเพียงใด พระราชภาวนาวิสุทธิ์ก็ได้ให้หลักง่ายๆ ว่า “นั่งแล้วต้องไม่เบื่อ นั่งแล้วต้องมีความสุข
บทที่ 3 หัวใจแห่งความสำเร็จของการเข้าถึงธรรม DOU 35