การฝึกสมาธิและการนึกนิมิต MD 204 สมาธิ 4  หน้า 42
หน้าที่ 42 / 106

สรุปเนื้อหา

การฝึกสมาธิควรเริ่มจากการหลับตาอย่างสบาย โดยไม่ให้เครียดหรือเกร็งเกินไป เมื่อได้อารมณ์ที่ดีแล้ว สามารถนึกนิมิตเพื่อการเข้าถึงธรรมได้ กรณีศึกษาที่ยกมาเป็นการฝึกของพระที่ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้เนื่องจากจริตไม่สอดคล้องกับการฝึก และสุดท้ายได้รับการเตือนจากพระพุทธเจ้าให้หันมานึกถึงสิ่งที่ตนเองชอบ ทำให้จิตใจสงบนิ่ง จนได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

หัวข้อประเด็น

-การฝึกสมาธิ
-การหลับตา
-การนึกนิมิต
-การใช้คำภาวนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทำอย่างนี้ จนกระทั่งติดเป็นนิสัยแล้ว เวลาต่อไป นั่งครั้งต่อไปก็ง่าย” 2) การหลับตา “หลับตาของเราเบาๆ หลับพอสบาย ๆ คล้ายกับเรานอนหลับ สังเกตให้ดีๆ ให้หลับพอสบายๆ คล้ายๆ กับเรานอนหลับ โดยอย่าไปบีบหัวตาแบบคนทำตาหยี อย่ากดลูกนัยน์ตา หลับพอสบายคล้ายๆ กับเรา นอนหลับ”1 3) การนึกนิมิต “เราก็สังเกตดูตัวของเรา เราถนัดแบบไหน ดูว่าจริตอัธยาศัยของเราถนัดแบบไหน อันที่จริง มันจะเจือกันอยู่ คือ บางคราวอยากนึกนิมิต บางคราวก็ไม่อยากจะนึก แต่เราดูว่าอันไหนเป็นจุดที่นำที่สุด ที่แสดงออกมามากที่สุด ก็ให้ตัดสินใจเอาอย่างนั้น” มีตัวอย่าง ในอดีตมีพระเถระองค์หนึ่ง ท่านเป็นลูกศิษย์ ของพระสารีบุตร ได้ถูกพระเถระฝึกกัมมัฏฐาน ด้วยการให้ดูศพเป็นนิมิต แต่จริตของท่านไม่ถูกกับศพ จิตของท่านจึงไม่สบาย ฝึกเท่าไหร่ก็ไม่บรรลุเสียที ล่วงไปหลายเดือนจนพระสารีบุตรจนใจ ท่านจึงพาไปหา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงตรวจดูด้วยญาณของพระองค์ก็ทรงทราบว่า ภิกษุรูปนี้เป็นช่างทอง มาถึง 500 ชาติ คุ้นกับของสวยของงาม จะต้องเบี่ยงเบนความสนใจของท่านไปในเรื่องนั้นก่อน เพื่อให้ใจ ของท่านสบาย เมื่อใจของท่านสบาย จึงค่อยน้อมมาในธรรมอันเป็นที่สิ้นไปของกิเลส เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็น แจ่มแจ้งด้วยญาณของพระองค์ จึงได้ทรงเนรมิตดอกบัวทองคำที่มีสีสันสดสวยมอบให้ท่านหนึ่งดอก แล้วตรัสว่า “ให้ดูไปเรื่อยๆ นะ” พระภิกษุรูปนั้น เมื่อได้ดอกบัว อารมณ์ของท่านก็เปลี่ยน ใจสบาย เพราะชอบดูดอกบัวนี้มาก “มันสวยดี” ด้วยใจที่สบายนั่นเอง ทำให้ท่านเกิดอารมณ์ทำสมาธิ แล้วเริ่มต้น ทำสมาธิ เพียงไม่นาน ผ่านไปชั่วครู่เดียว ท่านก็ผ่านดวงปฐมมรรค ได้ฌาน ได้เสวยความสุข จากฌานสมาบัติ อยู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสบโอกาสได้แสดงธรรม ในเวลาไม่นานท่านก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น เมื่อนึกนิมิตก็ให้ “นึกอย่างสบายๆ สังเกตดูไม่ตึงเกินไปและไม่หย่อนเกินไป ซึ่งเกินไป เป็นอย่างไร จึงไปแล้วปวดศีรษะ คิ้วขมวดเข้าหากัน คิ้วย่นขมวดเข้าหากันเลย ร่างกายรู้สึกเกร็ง รู้สึกเหนื่อย รู้สึกจะต้องบังคับใจ อย่างนี้เรียกว่าตึงเกินไป และก็ไม่ถูกวิธีด้วย หย่อนเกินไปก็คือ ไม่นึกอันนี้เลย ปล่อยไป คิดเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยไปเลย เพราะฉะนั้นท่านสอนให้นึกอย่างสบายๆ คือ ให้ในใจเรามีภาพของดวงแก้ว เครื่องหมายที่ใสสะอาด” 2 3 4) การใช้คำภาวนา “ให้เสียงของคำภาวนา ดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของบริกรรมนิมิต คือ แทนที่จะดังจากที่อื่นลอยๆ - พระราชภาวนาวิสุทธิ์, พระธรรมเทศนา, 5 ธันวาคม 2536. พระราชภาวนาวิสุทธิ์, พระธรรมเทศนา, พฤษภาคม 2536. พระราชภาวนาวิสุทธิ์, พระธรรมเทศนา, 2 มกราคม 2537 บทที่ 3 หัวใจแห่งความสำเร็จของการเข้าถึงธรรม DOU 33
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More