การดูและการเห็นภาพภายในในสมาธิ MD 204 สมาธิ 4  หน้า 70
หน้าที่ 70 / 106

สรุปเนื้อหา

บทนี้เจาะจงเกี่ยวกับการดูและการเห็นภาพภายในซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในการทำสมาธิ โดยแนะนำให้ผู้ปฏิบัติรับรู้และดูอย่างสงบ โดยไม่ต้องมุ่งหวังให้ชัด เพื่อประสบกับความสงบที่แท้จริง การเป็นผู้ดูเป็นหลักสำคัญ เมื่อเห็นอะไร ให้ทำใจเฉยๆ และดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพยายาม ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นเองเมื่อเราปล่อยวาง สอดแทรกการมองแล้วชัดขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไปสู่การเห็นที่ชัดในที่สุด ทั้งนี้ยังมีข้อแนะนำในการจัดการกับความมืดและแสงสว่าง โดยการตั้งใจและปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ พร้อมรักษาความเงียบสงบในจิตใจ.

หัวข้อประเด็น

-การทำสมาธิ
-เทคนิคการดู
-การเห็นภาพภายใน
-การจัดการกับความมืด
-การเห็นแสงสว่าง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อยู่อย่างสนิทอยู่กับที่ เรียกว่า หยุด ภาพที่เราสร้างมโนภาพในตอนแรกจะเปลี่ยนจากการนึกมาเป็นการเห็น อย่างแท้จริง ซึ่งเรายอมรับว่า เราเห็นจริงๆ 5.1.6 การดู กับการเห็นภาพภายใน เมื่อเรารู้จักวิธีการเห็นภาพภายในแล้ว ในขั้นต่อไป ควรจะเรียนรู้เทคนิคเกี่ยวกับการดูเพื่อให้ การทำสมาธิ ไปถึงฝั่งแห่งใจสงบหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์ 1) อย่าไปเน้นให้ชัด ดูเฉยๆ อย่างเดียว มีให้ดูแค่ไหน ก็ดูแค่นั้น ให้ทำตัวเป็นผู้ดู ไม่ใช่เป็นผู้กำกับ ที่จะไปเจ้ากี้เจ้าการให้ชัด ให้ใส ให้สว่าง ให้อยู่กับเรานานๆ ให้ใหญ่ ให้โต ให้เข้าคล่อง ให้เร็วแรง เราไม่มี หน้าที่อย่างนั้น หน้าที่ของเรา เราคือผู้ดู มีอะไรให้ดูก็ดูไป ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ ที่ศูนย์กลางกาย โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น นี่คือสูตรสำเร็จ 2) เวลาดูเหมือนเราเดินเล่น ผ่านสิ่งต่างๆ ระหว่างทาง มีอะไรให้ดูก็ดูไป ดูแล้วเฉยๆ ไม่ต้องคิด อะไร ถ้าเราทำใจว่า ทันทีที่หลับตา จะเห็นความมืดเป็นภาพแรก คำว่าผิดหวังจะไม่เกิด เพราะเราไม่ได้หวังผิด จะผิดหวังก็ต่อเมื่อเราไม่ได้ทำต่างหาก 3) เมื่อเกิดความมืดให้ดู ก็ดูความมืด มีวัตถุก้อนทึบๆ ให้ดู จะทรงกลม หรือรูปทรงอื่นๆ ก็ดูเรื่อยไป มีแสงสว่างเกิดขึ้นมา ก็ดูเรื่อยไป ใจจะโล่ง เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง เราก็มองตรงกลางเรื่อยไป มองเฉยๆ มีหลุมลึกเป็นบ่อบ้าง เป็นหุบเหว และมีอาการคล้ายจะหล่นลงไป ก็อย่าฝืน ปล่อยให้เป็นไป ตามธรรมชาติ ถ้าจะวูบลงไป ก็ปล่อยไป ไม่ลุ้น ไม่ดัน ลงไปได้แค่ไหนก็ไม่ต้องสนใจ ลงแล้วมันถอนขึ้นมา ก็ไม่ต้องสนใจ มีดวงให้ดูเราก็ดูดวงไป ดวงใสแค่ไหนเราก็ดูไปเรื่อย ดูไปตรงกลาง ภาพนั้นจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางครั้งภาพองค์พระเปลี่ยนไปเป็นดวงแก้ว หรือบางครั้งเรากำหนดดวงแก้ว แต่เปลี่ยนไปเป็นองค์พระ ก็ดูไปเรื่อยๆ ด้วยใจที่เบิกบาน จากเปลี่ยนก็จะไปสู่ไม่เปลี่ยน จากภาพอนิจจังไปเป็นภาพนิจจัง 4) ถ้าเห็นองค์พระเห็นแต่เศียรพระ เราก็มองเศียรไป มองไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จะเข้าไปอยู่ในกลางของ องค์พระได้เอง เข้าไปได้อย่างสบาย ถ้าเห็นแต่พระพักตร์ก็ดูคลุมๆ ไปก่อน ดูเฉยๆ ไม่ต้องคิดอะไร อย่าไปคิดว่า ทำไมเห็นแต่เศียร ทำไมไม่เห็นทีเดียวทั้งองค์ แค่นี้ก็ไม่ต้องคิด มีให้ดูแต่เศียร ก็ดูแต่เศียร มีให้ดูตรงไหน ก็ดูตรงนั้น พอเราวางใจเฉยๆ ก็จะเห็นชัดทั้งองค์ขึ้นมาเองในภายหลัง 5) บางคนเมื่อประคองใจให้หยุดนิ่งต่อเนื่องแล้วเกิดความสว่าง หรือวงนิมิตขึ้นมาเอง เมื่อเกิดขึ้น มาแล้ว ให้ประคองโดยทำใจเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น ไม่ดีใจจนเกินไป รักษาหยุดกับนิ่งไว้นาน ๆ ไม่ยินดี ไม่ตื่นเต้น เดี๋ยวจะสว่างเอง จากมืดๆ ไปสู่สว่าง ถ้าเราไม่กังวลหรือไปกลุ่มเมื่อมีแสงสว่างให้ดู ก็ดูแสงสว่างเรื่อยไป ต่อไปแสงสว่างก็จะเปลี่ยนไป เป็นจุดสว่างบ้าง เป็นดวงใสบ้าง ดวงใหญ่บ้าง ดวงเล็กบ้าง ให้ดูต่อไป เรื่อยๆ อย่างสบาย 6) เมื่อเห็นแล้วหายอย่าเสียดาย อย่าไปวิ่งไล่จับ เพราะกลัวจะไม่อยู่ ให้ดูเฉยๆ หายไปก็ไม่เป็นไร 7) เมื่อดูไป ใจก็จะเริ่มคุ้นกับภาพภายในซึ่งชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง ก็ให้ดูไปเรื่อยๆ จากชัดน้อยจนชัดมาก ดูไปจนชัดมากๆ ถ้าเป็นแสงสว่างก็จากแสงน้อยไปจนแสงมาก เมื่อเราเฉยๆ ไม่ปฏิเสธภาพที่เกิดขึ้น และ บทที่ 5 การเห็นกับความใจเย็น DOU 61
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More