ข้อความต้นฉบับในหน้า
4.2.4 การสั่งสมนิสัยในปัจจุบัน
การสั่งสมนิสัยในปัจจุบันนั้นก็เป็นอีกประการหนึ่งที่จะทำให้ผู้ฟังนั้นบรรลุธรรมหรือไม่ พระพุทธเจ้า
ได้ตรัสถึงบุคคลเมื่อฟังธรรมแล้ว ควรที่จะเข้าถึงธรรม” ไว้ดังนี้ คือ
1. บุคคลย่อมไม่เป็นผู้ลบหลู่คุณท่านฟังธรรม
2. เป็นผู้อันความลบหลู่ไม่ครอบงำ ไม่มีจิตแข่งดีฟังธรรม
3. เป็นผู้ไม่แสวงโทษ ไม่มีจิตกระทบในผู้แสดงธรรม ไม่มีจิตกระด้าง
4. เป็นผู้มีปัญญา ไม่โง่เขลา
บุคคลผู้มีปัญญานี้ ยังอาจแบ่งได้ 3 ระดับ คือ
(1) บุคคลมีปัญญาดังหม้อคว่ำ คือ ขณะฟังธรรมหรือเมื่อเลิกฟังก็ไม่ใส่ใจ เหมือนราดน้ำลงไป
บนหม้อคว่ำ น้ำย่อมไหลไปไม่ขังอยู่
(2) บุคคลมีปัญญาดังหน้าตัก คือ ขณะฟังธรรมก็ใส่ใจ เหมือนวางของไว้บนหน้าตัก พอลุกขึ้น
ของนั้นก็ตกไป
(3) บุคคลมีปัญญามาก เหมือนหม้อหงาย คือ ขณะฟังธรรมหรือเลิกฟังก็ยังใส่ใจอยู่ เหมือนเท
น้ำลงไปในหม้อ น้ำย่อมขังอยู่
5. ไม่เป็นผู้มีความถือตัวว่าเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ
สำหรับอุปนิสัยของการฟังธรรมเพื่อเข้าถึงธรรมในพุทธพจน์นี้จะเห็นว่า คนที่จะฟังธรรมจาก
พระพุทธองค์ หรือแม้แต่จากคนอื่นก็ตาม จะต้องไม่หลบหลู่ผู้ฟัง มีความยอมรับในตัวของผู้แสดงธรรม
อันจะทำให้ผู้ฟังเกิดความต้องการที่จะฟังธรรมจากผู้แสดงธรรมคือ มีความพอใจยินดีในการที่จะฟังธรรม
การยอมรับ นับถือศรัทธาและทำตามผู้แสดงธรรมนั้น ผู้ฟังจำเป็นต้องมีศรัทธา และปัญญาเป็นตัวผลักดัน
การน้อมศรัทธานั้น ตามปกติแล้วจะเน้นไปที่พระพุทธคุณเป็นหลัก ในขณะฟังนั้นเองจะเห็น
อาการของศรัทธา ปัญญาทำงานประสานกัน ลักษณะของคนที่ฟังธรรม จนนำไปสู่ผลตามที่พระพุทธเจ้า
ทรงแสดงไว้ ทรงแสดงเป็นรูปของกระบวนการทางจิต ไว้ดังนี้
“บุคคลผู้มีศรัทธาย่อมเข้าไปหาสัตบุรุษ เมื่อเข้าไปหาย่อมนั่งใกล้ เมื่อนั่งใกล้ย่อมฟังธรรม ในขณะฟัง
ธรรม ย่อมเงี่ยหูลงฟัง ในขณะที่เงี่ยหูลงฟังย่อมพิจารณาข้อความ เมื่อพิจารณาย่อมเกิดความรู้ความเข้าใจ
เมื่อเกิดความรู้ความเข้าใจย่อมน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบยิ่ง
ปฏิบัติตามธรรม ย่อมได้รับผลจากการปฏิบัติตามสมควรแก่เหตุ”
อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต, มก. เล่ม 36 ข้อ 153 หน้า 322.
* อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต, มก. เล่ม 34 หน้า 98.
* มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์, มก. เล่ม 21 ข้อ 657 หน้า 352
บทที่ 4 เทคนิคการวางใจในขณะฟังธรรม DOU 49